มท.1 จ่อใช้ยาแรง สั่งการ จนท.ในพื้นที่แก้ปัญหาฝุ่นตามสถานการณ์

มท.1 จ่อใช้ยาแรง สั่งการ จนท.ในพื้นที่แก้ปัญหาฝุ่นตามสถานการณ์

เมื่อวันที่ 28 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ว่า ปกติเรามีมาตรการสำคัญที่จะไปลดแหล่งกำเนิดฝุ่น ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการคมนาคมขนส่ง การเผาในที่โล่งแจ้ง และการก่อสร้างอุตสาหกรรม ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็มีการบังคับใช้กฎหมาย แต่ตนมองว่ายังเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในเชิงรับ เช่น เรื่องการจราจรที่มีการตรวจควันดำ รถที่ไม่ผ่านการตรวจก็จะถูกพ่นสีไม่ให้ใช้ สมมุติว่ารถผ่านการตรวจเข้าไปในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งของ กทม.เป็นจำนวนมากจนเกิดรถติด ต่อให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานก็ยังเกิดปัญหาพีเอ็ม 2.5 ได้อยู่ดี จึงคิดว่าในบางช่วงเวลาต้องจำกัดการใช้รถประเภทใดประเภทหนึ่งไม่ให้ผ่านเข้าไปใน กทม. เพื่อลดฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการประชุมให้อำนาจผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งหมด พิจารณาความเหมาะสมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะใช้มาตรการเข้มข้นในเรื่องใดบ้าง รวมถึงจะต้องมีการตรวจตราสถานที่ก่อสร้างไม่ให้มีฝุ่นฟุ้ง อีกทั้งโรงงานอุตสาหกรรมก็ต้องมีการป้องกัน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องไปตรวจตรา

พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ส่วนที่เป็นสาเหตุหลักในปัจจุบันคือการเผาในที่โล่งแจ้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น จ.ลำปาง ซึ่งมีการจุดไฟเผาจริง แต่ก็ยังมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกที่จังหวัดน่าน แพร่ และพะเยา จากการติดตามก็พยายามจับผู้ที่จุดไฟเผา แต่สิ่งที่ยากคือการดับไฟ เพราะบางพื้นที่เข้าถึงได้ยาก นอกจากนี้ยังได้รับรายงานว่ามีฝุ่นมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งก็ต้องมีการประสานเพื่อนบ้าน เบื้องต้นในส่วนของการดูแลประชาชน ทางกระทรวงสาธารณสุขได้แจกหน้ากากอนามัยให้แก่ประชาชนที่เจ็บป่วย ขณะที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็ได้ดูแลประชาชนทั่วไปที่ไม่มีความสามารถในการดูแลตัวเองได้ ซึ่งอาจจะต้องมีการจัดซื้อจัดหาเพื่อช่วยเหลือ พร้อมกับให้คำแนะนำการใช้ชีวิตเมื่อค่าฝุ่นละอองสูงขึ้น

“จากนี้มาตรการในพื้นที่จะต้องแรงขึ้น เพราะต้นกำเนิดมาจากคนในพื้นที่เป็นคนทำ แต่จะทำอย่างไรต้องขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ที่ต้องรีบหามาตรการเอง ซึ่งแต่ละมาตรการต้องส่งผลกระทบต่อประชาชาชนให้น้อยที่สุด แทนที่จะปิดการจราจร ห้ามรถวิ่งผ่านเลย แม้ว่าจะทำได้ไม่ยาก แต่จะกระเทือนไปถึงระบบขนส่งโลจิสติกส์ทั้งหมด รวมถึงการดำรงชีวิตของประชาชน ดังนั้น จึงต้องใช้วิธีการเบี่ยงเส้นทาง ส่วนพื้นที่ใดที่มีปัญหามาก ก็ต้องจำกัดการใช้รถ แต่จะจำกัดรถประเภทใดก็ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่” พล.อ.อนุพงษ์กล่าว