นายกฯ ย้ำมาตรการรับมือ ‘ไวรัสโคโรนา’ ต้องคิดรอบคอบ ไม่จำเป็นต้องปิด ปท. “รับมืออยู่”

นายกฯ ย้ำมาตรการรับมือ ‘ไวรัสโคโรนา’ ต้องคิดรอบคอบ ไม่จำเป็นต้องปิด ปท. “รับมืออยู่”

เมื่อวันที่ 28 มกราคม นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) ติดตามสถานการณ์โรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 อย่างต่อเนื่องทั้งในต่างประเทศและในไทย โดยย้ำว่าการที่จีนออกมาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุด เช่น ประกาศปิดเมือง ก็เป็นไปเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค เพราะถือเป็นแหล่งกำเนิดและแพร่กระจายโรคไปยังประเทศอื่น ๆ

สำหรับประเทศไทย สถานการณ์แตกต่างไป เพราะไทยไม่ใช่แหล่งกำเนิดและแพร่กระจาย ที่ผ่านมาเมื่อทราบว่ามีการติดเชื้อไวรัสนี้ที่จีน ก็ได้กำหนดและใช้มาตราเข้มข้นในการสกัดกั้น และพบผู้ติดเชื้อที่ได้รับเชื้อมาจากต่างประเทศ และตรวจพบด้วยมาตรการตรวจคัดกรองที่มีมาตรฐานระดับโลก รวมทั้งปัจจุบัน ยังสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี และดูแลรักษาผู้ป่วยตามระดับอาการจนหลายรายหายเป็นปกติและกลับบ้านได้แล้ว และยังคงใช้มาตรการที่เข้มงวดในการสกัดกั้นและคัดกรองต่อไป

นางนฤมล กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีคำถามว่าทำไมไม่ปิดพื้นที่หรือปิดประเทศ ต้องอธิบายว่า สถานการณ์ในไทยยังควบคุมได้ และติดตามตรวจสอบนักท่องเที่ยวได้อย่างละเอียดเข้มข้น ยังไม่ขึ้นไปสู่จุดระบาด ณ ตอนนี้ยังไม่มีการะบาด ติดเชื้อจากคนภายในประเทศ ดังนั้น ณ ขณะนี้จึงยังไม่ต้องไปถึงมาตรการปิดพื้นที่ ปิดจังหวัด ปิดรับนักท่องเที่ยว เพราะหากทำเร็วไปจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี เนื่องจากประชาชนทั่วไปก็ยังคงต้องดำเนินชีวิตตามปกติ หากจะดำเนินมาตรการใดๆ จึงต้องคิดให้รอบคอบ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุดกับสุขภาพและชีวิตประชาชน และต้องดูแลให้ดีที่สุด

“สำหรับนักศึกษาไทยในอู่ฮั่นและในพื้นที่เสี่ยงต่างๆ ในจีน สถานเอกอัครราชทูตไทยในจีนดูแล และติดต่อกับนักศึกษาอย่างใกล้ชิด หากมีปัญหาใดก็พร้อมให้ความช่วยเหลือ และขณะนี้สามารถรวบรวมรายชื่อนักศึกษาและคนไทยทั้งหมดไว้แล้ว และเมื่อการประสานงานกับจีนเรื่องการส่งเครื่องบินไปรับนักศึกษาและคนไทยกลับเรียบร้อยแล้ว จะรีบดำเนินการทันที” นางนฤมล กล่าว และว่า

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังแนะให้ประชาชนดูแลตนเองควบคู่กันไปด้วย เช่น สวมหน้ากากอนามัย รับประทานเนื้อสัตว์ปรุงสุก ล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้ป่วย ฯลฯ เพราะเมื่อเกิดวิกฤตทุกคนต้องช่วยกัน ส่วนรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนจะทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ทอดทิ้งประชาชน เพื่อก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกัน