สภาฯ ชง รบ.ชะลอใช้กม.ภาษีที่ดิน ซัด สนช.ลากตั้ง ออกกฎหมาย ไม่ยึดโยงประชาชน

สภาฯ ชง รบ.ชะลอใช้กม.ภาษีที่ดิน ซัด สนช.ลากตั้ง ออกกฏหมาย ไม่ยึดโยงประชาชน

เมื่อวันที่ 23 มกราคม ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ปัญหาและผลกระทบจากการบังคับใช้พ...ภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง ..2562 ตามที่สภาฯ มอบหมายให้คณะกมธ.การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ที่มีนายปิยบุตร แสงกนกกุล ..บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ เป็นประธานกมธ. พร้อมแนบข้อเสนอแนะของส..​ให้กับครม. และองค์กรที่เกี่ยวข้องให้พิจารณาดำเนินการต่อไป โดยนายปิยบุตร แถลงผลการศึกษาตอนหนึ่งว่า จากการรับฟังความเห็นและคำชี้แจงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่า กฎหมายฉบับนี้จะทำให้องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีรายได้ลดลง แม้จะงบประมาณจากรัฐบาลสนับสนุนเตรียมไว้ แต่กรณีที่อปท.​ขาดรายได้จากการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างย่อมมีผลกระทบทำให้รายได้ของท้องถิ่นลดลง จึงเสนอให้ครม. ตราพระราชกำหนดชะลอการบังคับใช้พ...ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อปรับปรุงเนื้อหา ให้มีความพร้อมให้มากกว่าปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม กมธ.ไม่มีจุดยืนจะไม่สนับสนุนการเก็บภาษีแต่การเก็บภาษีต้องมีหลักการที่ถูกต้อง และเกิดประโยชน์ไม่มีปัญหาในทางปฏิบัติ

ขณะที่ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ..นครพนม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานอนุกมธ.การศึกษาการปฏิรูป ทบทวน และการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย แถลงว่า จากการศึกษาพบว่า เมื่อบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ ทำให้รายได้ของท้องถิ่นลดลง เช่น พื้นที่กทม.​รายได้ลดลง ปีละ 1,200 ล้านบาท หรือพื้นที่แหลมฉบัง รายได้ลดลงปีละ 200 ล้านบาท แม้รัฐบาลจะอุดหนุนงบให้ท้องถิ่น แต่กว่าจะได้รับอนุมัติงบประมาณ จากกรรมการกระจายอำนาจต้องรอ 1 ปี ซึ่งจะกระทบต่อแผนพัฒนาท้องถิ่นแน่นอน อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 20 มกราคมพบว่า มีการบังคับใช้พระราชกฤษฎีกาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ..2563 โดยมีรายละเอียดสำคัญคือ ลดภาษีอัตราร้อยละ 50 สำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ประเภท ห้องชุด  ที่ดินที่ตั้งของโรงผลิตไฟฟ้า ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใช้เป็นเขื่อน หรือพื้นที่เกี่ยวกับเขื่อน และลดภาษีอัตรา ร้อยละ 90 สำหรับที่ดินสิ่งปลูกสร้างรอการขายของสถาบันการเงิน อาคารชุด ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างระหว่างพัฒนานิคมอุตสาหกรรม สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงความไม่พร้อม และความไม่สมบูรณ์ของกฏหมาย ไม่ถูกที่ ถูกเวลา และไม่สอดคล้องกับสถานการณ์

ทั้งนี้ ..ได้ลุกขึ้นอภิปรายสนับสนุนรายงานกมธ. โดยเฉพาะการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ควรบังคับใช้กฎหมายที่มีมิติหลากหลาย และประเมินให้รอบด้านทั้งรายได้ของประชาชน เศรษฐกิจในพื้นที่ร่วมด้วย ไม่ใช่มองเฉพาะราคาประเมินของที่ดินเท่านั้น โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ..เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ตนสนับสนุนให้ยกเลิกกฎหมายทั้งฉบับและงดเว้นการบังคับใช้ เนื่องจากเป็นความล้มเหลวของการออกกฎหมายของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ทั้งนี้เนื้อหาของกฎหมายขัดหลักการของการจัดเก็บภาษีและสร้างความเหลื่อมล้ำ อาทิ บ้านหลังหลัก ไม่เกิน 50 ล้านบาท ไม่เสียภาษี เช่น คนรวย มีบ้าน 1 หลังราคาประเมิน 49.9 ล้านบาท ไม่เสียภาษี ขณะที่ตนในฐานะชนชั้นกลาง บ้านชานเมือง 1.5 ล้านบาท เดินทางเข้าตัวเมืองทุกวันตัดสินใจต้องซื้อคอนโดเพื่ออาศัยเป็นหลังที่ 2 ทำให้ต้องเสียภาษีบ้านหลังที่สอง เป็นต้น ทั้งนี้ควรให้สภาฯ เป็นผู้พิจารณากฎหมายฉบับดังกล่าว

ส่วน นายชำนาญ จันทร์เรือง ..บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายว่า เนื้อหาทำให้เกิดความได้เปรียบและเสียบเปรียบในบางพื้นที่ และสร้างภาระให้กับเจ้าหน้าที่ต่อการประเมินอัตราการเก็บภาษี เช่น กรณีของธุรกิจทำฟาร์มไก่ขนาดใหญ่ ที่ถูกตีความว่าเป็นพื้นที่เกษตรกรรม ทำให้เสียภาษีในอัตราต่ำ เป็นต้น   

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ..ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายสนับสนุนว่า แม้จะกฏหมายฉบับนี้จะตราขึ้นเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในแง่การเสียภาษี แต่พบว่า เดิมภาษีท้องที่ ภาษีโรงเรือนและที่ดินใช้ดุลยพินิจของเจ้าพนักงานในการประเมิน ทำให้ความชัดเจนในการจัดเก็บภาษีมีน้อย เกิดความลักลั่น และสามารถต่อรองกับเจ้าพนักงานได้ ถือว่าเป็นความล้าสมัย แต่ตนก็ยังมีความกังวลต่อฐานภาษีของกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งโดยปกติแล้วราคาประเมินมักจะเพิ่มขึ้นทุกปี ถ้าปีไหนที่ผู้เสียภาษีทำธุรกิจขาดทุน หรือมีรายได้ลดลง แต่ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นตามราคาประเมินที่เพิ่มขึ้นตามกฎหมายนี้จะทำให้เป็นภาระกับประชาชน ดังนั้น เมื่อมาดูมาตรการลด ยกเว้น และบรรเทาภาระภาษีในบางประเภท กลับยังเปิดช่องไว้ให้เจ้าพนักงานสามารถใช้ดุลยพินิจ โดยต้องผ่านคณะกรรมการที่ได้จัดตั้งขึ้น สิ่งเหล่านี้ถือเป็นความไม่ชัดเจนให้กับผู้เสียภาษี และอาจส่งผลปิดโอกาสให้กับผู้มีรายได้น้อยในการเข้าถึงความเป็นธรรมได้