เผยแพร่ |
---|
นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง เปิดเผยกรณีภาวะหนี้ครัวเรือนสูงสุดในรอบ 3 ปี ว่า หนี้ครัวเรือนที่ปรับขึ้นเป็น 80% ถือว่าสูงสุดในอาเซียน แต่ในเอเชียไทยต่ำกว่าประเทศเกาหลีใต้ โดยผลกระทบแรกคือ ทำให้กำลังซื้อลดลง ซึ่งเห็นได้ชัดเจนคือ อัตราการบริโภคของภาคเอกชนจะได้รับผลกระทบตามไปด้วย
ทั้งนี้ จากภาวะหนี้ครัวเรือนดังกล่่าว เกิดขึ้นในช่วงที่โครงสร้างระบบเศรษฐกิจไทยที่ประชากรเพียง 1% ครอบครองทรัพย์สิน เยอะกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) อยู่ที่ 60% ส่วนประชากรอีกกว่า 90% เป็นผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเป็นกลุ่มสร้างหนี้ครัวเรือน จึงทำให้ปัญหาหนี้ครัวเรือนขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และจะนำมาสู่ปัญหาสังคม เนื่องจากความแตกต่างระหว่างกลุ่มผู้มีรายได้มากกับผู้มีรายได้น้อย และจากปัญหานี้ จะส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่ำ ในขณะที่โลกกำลังพัฒนาไปสู่การเปลี่ยนแปลง ที่ต้องพึ่งพาระบบเทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น อีกทั้ง ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าคุณภาพการศึกษาของไทยอยู่ในระดับต่ำ หรือยังไม่ดีพอ ซึ่งจะนำไปสู่ประเด็นปัญหาต่อไป คือความพยายามของสตาร์ตอัพ หรือเอสเอ็มอี ในการปลดตัวเองออกจากความยากจนนั้น
“ปัจจุบันประเทศไทยยังเป็นระบบผูกขาด จึงทำให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยนี้ นอกจากจะไม่มีความสามารถในการแข่งขัน เพราะคุณภาพการศึกษาย่ำแย่แล้ว ซึ่งจะออกมาในลักษณะไม่อยากหางานทำและตกงานด้วย อย่างไรก็ตาม ปัญหาหนี้ครัวเรือนนี้ จะเป็นปัญหาที่ลามปาม หากไม่ได้รับการแก้ไข จะทำให้จากปัญหาสังคมกลายเป็นปัญหาการเมืองในอนาคต” นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวถึงกรณีบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) มีความสนใจที่จะซื้อกิจการของเทสโก้ โลตัส ในประเทศไทย ว่า ทราบว่ามีกฎหมายการแข่งขันอยู่ ซึ่งต้องศึกษารายละเอียดว่า หากดำเนินการดังกล่าวแล้วจะขัดต่อกฎหมายหรือไม่ ซึ่งส่วนตัวไม่สามารถตอบได้