‘ศักดิ์สยาม’ฟิต สั่ง ทช.เตรียมโปรเจ็กต์ลุยเบิกจ่ายงบปี’63 แล้วเสร็จ 31 ส.ค.นี้

“ศักดิ์สยาม” สุดขยัน! สั่ง ทช. เตรียมโปรเจ็กต์ลุยเบิกจ่ายงบปี 63 แล้วเสร็จ 31 ส.ค.นี้ พร้อมแนะให้รอบคอบโครงการ-ดูความต้องการประชาชน ก่อนเสนอคำของบปี 64 หวังเดินหน้ามีประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุด ฟากแบริเออร์ยางพารา จ่อสรุปหลังรอผลทดสอบเกาหลี ก.พ.นี้ คาดช่วยเกษตรกรยางพาราได้ไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นตัน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายกรมทางหลวงชนบท(ทช.)ว่า ได้มอบหมายให้ ทช.เตรียมความพร้อมการจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่างๆ ภายหลัง รอโปรดเกล้าฯ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 โดยให้วางแผนการดำเนินโครงการและการเบิกจ่าย เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ทันที อย่างไรก็ตาม จะต้องดำเนินการทุกขั้นตอนให้แล้วเสร็จภายใน 31 ส.ค. 2563 เพื่อให้เหลือระยะเวลา 1 เดือนก่อนสิ้นปีงบประมาณ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และไม่มีปัญหาในการเบิกจ่ายงบประมาณเหมือนปี 2562 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2563 ทช.ได้รับการจัดสรรงบประมาณกว่า 47,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการดำเนินการตามภารกิจของภาครัฐ เช่น ถนนลูกรังเป็นถนนลาดยางหรือคอนกรีต, ถนนเพื่อการแก้ไขปัญหาจราจรในปริมณฑลและภูมิภาค, ถนนสนับสนุนการท่องเที่ยว ตลอดจนถนนเพื่อสนับสนุนระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

ขณะที่ การจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 2564 นั้น ให้ดำเนินการตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด โดยต้องตรวจสอบรายละเอียด ความพร้อมของโครงการให้รอบคอบ และให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงรับฟังความต้องการของประชาชนก่อนเสนอคำของบประมาณ นอกจากนี้ ต้องมีการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจกับประชาชนในการดำเนินโครงการต่างๆ ด้วย สำหรับปี 2564 นั้น กรมทางหลวงชนบทได้เสนอคำของบประมาณ วงเงิน 95,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการสำคัญ อาทิ ถนนสาย สป. 4002 แยก ทล. 3344-บ้านบางพลีใหญ่ สมุทรปราการ และ ถนนสายแยก ทล. 3452-สี่แยกบ้านสร้าง ปราจีนบุรี เป็นต้น

ในส่วนการนำยางพารามาใช้ในงานก่อสร้างและอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย โดยเฉพาะบริเวณเกาะกลางถนนนั้น นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ขณะนี้ ทช.อยู่ระหว่างรอผลการทดสอบ Rubber Fender Barriers ทั้งตัวแผ่นยางที่หุ้มแบริเออร์ ตัวคอนกรีตแบริเออร์ จากประเทศเกาหลีในช่วง ก.พ.นี้ หลังจากได้ผ่านการทดสอบในการรับน้ำหนัก การคงทนสภาพไปแล้ว ทั้งนี้ คาดว่า ทช. และกรมทางหลวง (ทล.) จะใช้ปริมาณน้ำยางพาราสดไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นตัน

ขณะเดียวกัน ให้พิจารณาถนนของ ทช. เชื่อมกับเส้นทางของ ทล. เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจราจร โดยการให้เอกชนเข้ามาร่วมดำเนินการสร้างจุดพักรถ (Rest Area) ห่างจากเขตทาง 1 กิโลเมตร เช่น ถนนตามแนวเส้นทางไทยแลนด์ ริเวียร์ร่า, ถนนราชพฤกษ์ เป็นต้น นอกจากนี้ ให้จัดทำแผนปลูกต้นไม้มีค่าในปี 2563 ตามแนวเส้นทางถนนของ ทช. พร้อมทั้งให้รายงานความคืบหน้าทุกเดือน ตามนโยบายของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า ได้เร่งรัดให้ ทช. เตรียมความพร้อมรองรับการปรับเพิ่มความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. พร้อมทั้งพิจารณาการกำหนดให้ใช้ความเร็วไม่ต่ำกว่า 90 กม./ชม.ในช่องจราจรทางด้านขวา เพื่อเป็นการป้องกัน และลดการเกิดอุบัติเหตุ โดยสั่งการให้ดูผิวจราจรให้เรียบร้อย รวมถึงการคืนสภาพผิวจราจรทางด้านซ้ายให้รถสามารถใช้การได้ ขณะที่ผลการดำเนินการในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 ที่ผ่านมานั้น เตรียมประชุมคณะทำงานในเรื่องดังกล่าวภายในสัปดาห์หน้า ก่อนที่จะมีการปรับแผนมาใช้กับเทศกาลสงกรานต์ที่จะมาถึงนี้

นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ ทช.ออกระเบียบฯ พร้อมพิจารณาโครงการที่เสียหาย หรือชำรุด กรณีที่ผู้รับเหมาไม่เข้าไปซ่อมบำรุงภายใน 30 วัน โดยมีมาตรการริบเงินค้ำประกันโครงการฯ เพื่อให้ ทช. ไปดำเนินการซ่อมบำรุงเอง รวมถึงขึ้นบัญชีดำ (Black List) เป็นผู้ทิ้งงานด้วย อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าที่ผ่านมามีระเบียบดังกล่าวอยู่แล้ว แต่จะดำเนินการให้เข้มข้นมากขึ้น