“ผู้กองมาร์ค” เตือน “ประยุทธ์” ศึกครั้งสุดท้ายของรัฐบาล เหลือแค่ 2 ทางเลือก

วันที่ 16 มกราคม 2563 ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช กรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ยิ่งใกล้วันอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคฝ่ายค้าน ก็จะยิ่งเห็น พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีอีก 4 คน ดิ้นรนหาทางรอด พร้อมกันนี้ยังมีรัฐมนตรีอีก 2 – 3 คนที่ทางพรรคเพื่อไทย รอเปิดรายชื่อเพิ่มเติมอีก เราเชื่อมั่นว่าเมื่อถึงเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะไม่ทำให้ประชาชนผิดหวังอย่างแน่นนอน เพราะ เอกสารหลักฐานทั้งหมดได้จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว แถมยังมีหมัดเด็ดอีกหลายเรื่องที่จะทำให้รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ไม่ได้ ซึ่งถ้าเรามองย้อนไปในการวิ่งไล่ลุง จะเห็นว่า ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดมีประชาชนจำนวนมากออกมาเพื่อร่วมกิจกรรม เป็นการสะท้อนถึงเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ที่มีความเบื่อหน่ายต่อรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์

พรรคเพื่อไทย ซึ่งทำงานใกล้ชิดกับประชาชน และทราบถึงปัญหาของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่อยู่มานานกว่า 5 ปี แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของสังคม แถมยังก่อให้เกิดความสงสัยขึ้นในใจของประชาชนว่ามีการกระทำที่ทุจริตของรัฐบาลหรือไม่ เพราะมีนายทุนเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่มีรายได้เพิ่มขึ้นมหาศาล แต่คนส่วนใหญ่ของประเทศยังลำบาก และรัฐบาลไม่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาเศรษกิจได้เลย ซึ่งก็เป็นเพราะขาดความรู้และความเข้าใจในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่แท้จริง จากการที่โครงการเยียวยาต่างๆ ไม่ได้ผลนั้น เพราะมีการจัดสรรงบประมาณผิดประเภท และในขณะที่สภาวะเศรษกิจกำลังทรุดตัวอย่างหนัก แต่รัฐบาลกลับเอาเงินภาษีของประชาชนจำนวนมากไปซื้ออาวุธ ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน เช่น ปัญหาฝุ่นพิษที่ระบาดมาหลายปีกลับแก้ไขไม่ได้ มีแต่การแถลงแผนและโครงการ แต่กลับยังไม่เห็นถึงการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและชัดเจน จึงทำให้คนไทยเหมือนตายผ่อนส่งเพราะต้องสูดอากาศที่เป็นพิษตลอดเวลา แถมพ่วงด้วยปัญหาเรื่องการแบน 3 สารพิษ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต ซึ่งถ้าหากรัฐบาลเห็นผลประโยชน์ด้านสุขภาพของประชนเป็นหลักจริงๆ ก็ควรเร่งแบน 3 สารพิษนี้ ให้ประสบผลสำเร็จ แต่ก็ไม่ทำ ทั้งๆ ที่มีหลักฐานบ่งชี้ชัดเจนว่ามีผลกระทบต่อคนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งสารพิษเหล่านี้ มีผลกระทบต่อระบบประสาท และมีผลทำให้คนเป็นโรคมะเร็ง และพาร์กินสัน มือเท้าสั่น อีกด้วย

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวอีกว่า การที่รัฐบาลบิ๊กตู่บริหารประเทศมากว่า 5 ปี แต่กลับทำให้เศรษฐกิจของประเทศตกต่ำ แย่ลงทุกวัน ประชาชนไม่มีกินไม่มีใช้ ก่อให้เกิดปัญหาในสังคมที่ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นทุกวัน เพราะไม่สามารถแก้ไขปัญหาตามที่พี่น้องประชาชนต้องการได้ ดังนั้น หากรัฐบาลยังพอเหลือความจริงใจให้กับประชาชนบ้าง ก็มีทางออกเพียงแค่ 2 ทางให้เลือกเท่านั้น ทางเลือกที่ 1 คือยุบสภาหนีการซักฟอกของฝ่ายค้าน เพราะหากขืนอยู่ต่อก็ไม่น่ารอดจากการอภิปรายอยู่ดี และทางเลือกที่ 2 คือให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะปัญหาที่สะสมมานานแต่ไม่ได้มีการแก้ไข แถมยังมีการสร้างปัญหาขึ้นมาใหม่ เพราะการบริหารประเทศที่ผิดพลาดมาตลอดนั้น ก็จะยิ่งทำให้ประเทศมีปัญหาเพิ่มขึ้นไปอีก ซึ่งประชาชนก็แอบตั้งคำถามว่า หากพล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจะเป็นผลดีกับประเทศมากกว่าหรือไม่ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ เองก็ขาดความเข้าใจในปัญหาและวิธีการแก้ไข