เปลี่ยนใจ? โร่แจงไม่ขับ ‘ก้อย พรพิมล’ พ้นเพื่อไทย เป็นวิธีอื่น หวั่นเข้าทางรัฐบาล

วันที่ 15 มกราคม 2562 นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฐานะคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กล่าวถึงผลสอบกรณี 3 ส.ส.กระทำการฝ่าฝืนมติพรรค และข้อตกลงร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า ผลสอบกรณี

1.นางพรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี พบว่าได้แสดงพฤติกรรมและท่าทีชัดเจนว่ามีเจตนาและแสดงออกอย่างเปิดเผยในการฝ่าฝืนมติพรรค แม้ในครั้งแรกจะยังมิได้มีมติไปสนับสนุนรัฐบาล แต่ก็ไปแสดงตัวเป็นองค์ประชุมอย่างเปิดเผย ซึ่งขัดต่อมติของพรรค

และเมื่อช่วงการอภิปรายงบประมาณ 2563 วาระ 2-3 ยังแสดงตนโหวตสวนมติพรรคอย่างเปิดเผยโดยมิได้สนใจและนำพาต่อมติของพรรคแต่อย่างใด ประกอบกับหลักฐานแวดล้อมหลายกรณีตามบันทึกการสอบสวน เห็นว่านางพรพิมลได้จงใจฝ่าฝืนมติพรรค โดยเชื่อได้ว่า เป็นการได้รับการร้องขอและมีประโยชน์ตอบแทนส่วนตน ถือว่าเป็นการกระทำความผิดวินัยพรรคอย่างร้ายแรง ซ้ำซาก

ควรลงโทษสถานหนักถึงขั้นขับออกจากสมาชิกพรรคตามรัฐธรรมนูญ ผู้นั้นสามารถไปหาพรรคใหม่สังกัดได้ภายในสามสิบวัน จึงเห็นว่ายิ่งจะเป็นการสมประโยชน์ของฝ่ายรัฐบาลมากขึ้นไปอีก

จึงเสนอให้กรรมการวินัยและจรรยาบรรณลงโทษทางวินัยในระดับภาคทัณฑ์และใช้มาตรการทางปกครองที่เด็ดขาดคือ ไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมของพรรคและไม่ส่งสมัครในการเลือกตั้งครั้งต่อไปโดยไม่มีเงื่อนไขผ่อนปรนใดๆ ทั้งสิ้น

2.นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม. จากการตรวจสอบและสอบสวนชี้ชัดว่านายพลภูมิได้มีพฤติกรรมและการกระทำที่ฝ่าฝืนมติพรรค แม้จะอ้างเหตุผลด้วยความจำเป็น และเหตุผลส่วนตัว ก็ไม่สามารถนำมาเป็นข้ออ้างหักล้างแนวทางของพรรค และจริยธรรมทางการเมือง และไม่อาจใช้เป็นเหตุผลในการกระทำที่ขัดต่อมติของพรรคได้ แม้ว่าจะยังไม่ได้มีพฤติกรรมการกระทำผิดอย่างถึงที่สุด แต่ก็ยังคงฝ่าฝืนมติพรรค

โดยการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณที่ผ่านมา ได้ลงมติไม่ประสงค์ลงคะแนน สวนทางกับมติของพรรคที่ให้งดออกเสียง แม้จะไม่ถึงขั้นลงมติเห็นชอบแบบรายนางพรพิมลก็ตาม อย่างไรก็ตาม การจะพิจารณาลงโทษสถานหนักก็ยังมีเหตุผลเช่นเดียวกันว่าในที่สุดก็จะเข้าทางความต้องการของฝ่ายรัฐบาล

จึงเห็นควรใช้มาตรการทางปกครองให้พิจารณาความผิดโดยให้ภาคทัณฑ์ และไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมของพรรคเป็นเวลาหนึ่ง และพิจารณาไม่ส่งเป็นผู้สมัครของพรรคในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เว้นแต่จะสามารถพิสูจน์ให้พรรคมั่นใจหรือมีการกระทำที่น่าเชื่อถือว่าจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเองให้อยู่ในระเบียบวินัยของพรรค

3.นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี ถือว่าได้กระทำผิดวินัยร้ายแรงเช่นกัน ข้ออ้างและเหตุผลที่ชี้แจงถือว่าฟังไม่ขึ้น แต่พฤติกรรมคือเพียงแสดงตนให้เป็นองค์ประชุม แต่ในความประพฤติต่อมายังไม่เห็นแจ้งชัดว่ายังจงใจที่จะกระทำผิดเช่นเดิม

จึงเสนอให้ดำเนินการภาคทัณฑ์ ไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมพรรคในระยะเวลาหนึ่ง และพิจารณาไม่ส่งลงเลือกตั้งในครั้งต่อไปจนกว่าจะมีข้อเสนอหรือพิจารณาเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ผลสรุปทั้ง 3 กรณีนี้ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ จะส่งผลการพิจารณาให้คณะกรรมการจริยธรรมของพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณา และตัดสิน ในวันที่ 16 ม.ค.นี้ ที่พรรคเพื่อไทย

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 14 ม.ค. รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย (พท.) แจ้งความคืบหน้ากรณีการลงโทษงูเห่าของพรรค พท. ว่า คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของ พรรคที่มี พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ เป็นประธาน ได้พิจารณา 3 ส.ส.ของพรรค ประกอบด้วย นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม. และ นางพรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี

กรณีโหวตสวนมติพรรคทั้งการเป็นองค์ประชุมให้รัฐบาลครั้งพิจารณาการตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบจากคำสั่ง คสช. และมาตรา 44 และการลงมติร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ที่ผ่านมา ถือว่า 3 ส.ส.ทำผิดโดยการฝ่าฝืนมติพรรค แต่กรณีของนางพรพิมล ถือว่าเป็นการกระทำผิดซ้ำซาก คาดว่าคณะกรรมการจะ มีมติขับออกจากพรรค