เอกชนมั่นใจไทยฐานผลิตโลก จับตาโครงสร้างพื้นฐานอีอีซีถ้าช้ากระทบเชื่อมั่นแน่

เอกชนมั่นใจไทยฐานผลิตโลก หนุนลงทุนปีนี้ ชี้อีอีซีดึงดูด จับตาโครงสร้างพื้นฐานช้ากระทบเชื่อมั่นแน่

นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) เปิกเผยถึงภาพรวมการลงทุนปี 2563 ว่า ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก จึงยังคงมีนักลงทุนไหลเข้ามาในไทย แม้ภาพรวมการลงทุนในปีนี้ยังไม่ค่อยดีนัก เพราะเศรษฐกิจโลกไม่ได้ดีอย่างที่คิด ธนาคารโลก(เวิลด์แบงก์)บอกเศรษฐกิจโลกลดลงคาดว่าจะเติบโตเพียง 1.4 – 1.3% เป็นตัวสะท้อนที่ไม่ดี นอกจากนี้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับอิหร่านหากขยายไปสู่การทำสงครามก็จะกระทบกับการลงทุนของไทยอย่างมาก แต่หากไม่ขยายเป็นสงครามก็จะไม่กระทบต่อการลงทุนในไทย

นายวิบูลย์กล่าวว่า โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) จะเข้ามาช่วยดึงดูดการลงทุนได้มาก ที่ผ่านมาแม้โครงการลงทุนโครงพื้นฐานที่สำคัญ 5 โครงการจะมีความล่าช้า แต่หลายโครงการก็ได้ลงนามสัญญาไปแล้ว ส่วนโครงการที่เหลือคาดว่าจะได้ผู้ลงทุนในเร็วๆนี้ ทำให้นักลงทุนยังคงมั่นใจในโครงการ อีอีซี แต่ถ้าโครงการที่ลงนามไปแล้วยังไม่ทำจะกระทบต่อความเชื่อมั่นได้

“นักลงทุนที่มาแรงในปีนี้ คือ กลุ่มจีนมีความสนใจลงทุนในไทยอยู่มาก เพราะไทยยังมาข้อดีอยู่มาก ไม่อย่างนั้นนักลงทุนก็ไปหมด นักลงทุนที่เข้ามาส่วนใหญ่เป็นลูกค้าใหม่ เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ กดดันให้นักลงทุนเข้ามาไทยไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และคาดว่าสถานการณ์ นี้ยังคงยืดเยื่ออีกนาน
ส่วนมาตรการส่งเสริมการลงทุนของไทยถือว่ามีความเหมาะสมแล้ว โดยจะเน้นเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ใช้แรงงานน้อย ส่วนอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานมากก็ไม่ได้ส่งเสริมอยู่แล้ว เพราะไทยยังคงขาดแคลนแรงงาน”นายวิบูลย์กล่าว

นายวิบูลย์กล่าวว่า ส่วนภัยแล้งที่เกิดขึ้นกระทบกับภาคอุตสาหกรรมไม่มาก ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจะเป็นภาคการเกษตร เพราะภาคอุตสาหกรรมสามารถรีไซเคิลน้ำกลับมาใช้ได้ในบางส่วน โดยนิคมอุตสาหกรรมของอมตะ ได้เตรียมมาตรการรองรับมานานแล้ว มีบ่อเก็บน้ำสำรองที่เพียงพอกว่า 18 เดือน โดยในวันที่ 20 มกราคมนี้ จะเชิญผู้ประกอบการในนิคมฯ เข้ามาชี้แจ้งอัพเดทข้อมูลให้ผู้ประกอบการไม่กังวลเรื่องน้ำ ส่วนที่บริษัท อีสท์วอเตอร์ จะขึ้นค่าน้ำภาคอุตสาหกรรม จะไม่กระทบต่อนิคมฯอมตะ เพราะอมตะใช้น้ำที่พึ่งพาตนเองมาโดยตลอด โดยใช้น้ำของอีสวอเตอร์เพื่อแบ็กอัพเท่านั้น

นายวิบูลย์กล่าวว่า สำหรับเงินลงทุนของกลุ่มอมตะฯ ในปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 3,000-4,000 ล้านบาท เป็นการลงทุนในนิคมฯภายในประเทศและต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในไทย ส่วนยอดขายที่ดินในปีนี้คาดว่าจะอยู่ในกรอบ 700 – 800 ไร่ ส่วนปี 2563 คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน