เรืองไกร ลุยตัดงบศาลรธน.ทิ้ง100% ปิยบุตร ชงตัดงบพิพิธภัณฑ์-หลักสูตรสร้างคอนเนกชั่น

ถึงคิวงบศาลรธน. “เรืองไกร” ลุยตัดงบตัดทิ้ง 100% ปิยบุตร เบาะๆ ตัดงบทำพิพิธภัณฑ์-หลักสูตรสร้างคอนเนกชั่น

เมื่อวันที่ 10 มกราคม การประชุมสภาผู้แทนราษฏรเพื่ออภิปรายร่างงบประมาณปี 2563 ต่อเนื่องวันที่ 3  จากนั้น เวลา 19.30 น. เข้าสู่การพิจารณามาตรา 31 ว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายของหน่วยงานของศาล วงเงิน 7 พันล้านบาท โดยส.ส.หลายคนอภิปรายขอตัดลดงบประมาณของศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กมธ.เสียงข้างน้อย เสนอให้ตัดงบประมาณศาลรัฐธรรมนูญทิ้ง 100% หรือ 108,074,100 บาท เนื่องจากเห็นว่า ปัจจุบันศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีความชัดเจนเรื่องกฎหมายที่รองรับการจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่รัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนว่า ศาลทั้งหลายจะจัดตั้งได้โดยพ.ร.บ. ซึ่งทั้งศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลทหารต่างมีพ.ร.บ.ของตัวเองรองรับ ยกเว้นศาลรัฐธรรมนูญที่ยังไม่มีพ.ร.บ.การจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญรองรับ เนื่องจากก่อนหน้านี้ปี 2557 ศาลรัฐธรรมนูญเคยเสนอร่างพ.ร.บ.การจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญต่อครม. แต่ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญมีหนังสือถึงครม.ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2559 ขอถอนร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวออกมา ทำให้ปัจจุบันศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีกฎหมายรองรับชัดเจน ที่ผ่านมาเคยทำหนังสือสอบถามเรื่องดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงกมธ.เคยสอบถามเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญเรื่องดังล่าว แต่ไม่ได้รับคำตอบชัดเจน เมื่อกระบวนการจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญคลุมเครือจึงสมควรตัดงบประมาณทิ้งทั้งหมด

นายปิยะบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายว่า ขอตั้งข้อสังเกตงบประมาณศาลรัฐธรรมนูญในส่วนการปรับปรุงบ้านพระยารัตนาธิเบศร์ เพื่อจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ศาลรัฐธรรมนูญวงเงิน 193 ล้านบาท ซึ่งเป็นที่ทำการเดิมของศาลรัฐธรรมนูญ ขอถามว่า เป็นหน้าที่อะไรของศาลรัฐธรรมนูญในการจัดการเรื่องทำพิพิธภัณฑ์ ทั้งที่กฎหมายระบุให้ศาลรัฐธรรมนูญทำหน้าที่พิจารณาตัดสินคดี ไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ ดังนั้น ขอเสนอให้ตัดงบประมาณในส่วนนี้ทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีงบประมาณในการจัดอบรมหลักสูตรนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย งบประมาณ 7.15 ล้านบาท มีผู้เข้าอบรม 55 คน เฉลี่ยตกหัวละ 130,000 บาท ผู้เข้าอบรมส่วนใหญ่เป็นพ่อค้า นักธุรกิจ นักการเมือง เท่ากับเปิดโอกาสให้ตุลาการได้พบปะบุคคลเหล่านี้ผ่านการอบรมหลักสูตร จะรับประกันความเป็นอิสระในการตัดสินคดีได้อย่างไร จึงขอให้ตัดงบประมาณหลักสูตรดังกล่าวทิ้งทั้งหมด เพื่อไม่ให้ศาลรัฐธรรมนูญหาคอนเนกชั่นผ่านโครงการเหล่านี้

ด้าน นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกมธ.เสียงข้างมาก ชี้แจงว่า การจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญเป็นไปตามรัฐธรรมนูญหมวด 11 ศาลรัฐธรรมนูญ อยู่แล้ว แต่ในเรื่องที่เกี่ยวกับสภาฯในฐานะผู้จัดสรรงบประมาณ จะต้องพิจารณาพ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 ซึ่งบัญญัติว่าหน่วยรับงบประมาณ คือหน่วยงานของรัฐที่ขอรับงบประมาณ หรือได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่าย รวมถึงสภากาชาดด้วย โดยมาตรา 4 ของพ.ร.บ.วิธีการงบประมาณฯ ระบุว่า หน่วยงานของรัฐ หมายความว่าหน่วยงานของรัฐสภา คือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ศาลยุติธรรม คือสำนักงานศาลยุติธรรม ซึ่งเช่นเดียวกับศาลรัฐธรรมนูญ ที่หน่วยงานที่ขอรับงบประมาณ คือสำนักงานศาลรัฐธรมนูญ ซึ่งมีพ.ร.บ.ศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2542 และแก้ไขในปี 2562 รองรับ จึงถือว่า เป็นการจัดสรรงบประมาณตามพ.ร.บ.วิธีการงบประมาณฯ