วันที่ 5 มกราคม 2563 เอพี รายงานว่า อิหร่านจัดพิธีฝังศพนายพลกอซิม สุไลมานี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษของอิหร่านในต่างแดน หรือกองกำลังคุดส์ ผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดอันดับสองของประเทศ อายุ 62 ปี ที่ถูกนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สั่งสังหารในอิรัก หลังจากเคลื่อนศพกลับมาถึงเมืองอาวาซ ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของอิหร่าน

บรรยากาศที่อิหร่านเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและโกรธแค้นเช่นเดียวกับที่มีพิธีไว้อาลัยและเคลื่อนศพจากอิรัก มาถึงเมืองอาห์วาซ ทางของอิหร่าน ก่อนรุ่งสาง ชาวอิหร่านนับแสนคนต่างสวมชุดดำหลายพันคนอาลัยต่างร่ำไห้และทุบอกเพื่อแสดงความเคารพต่อนายพล

ส่วนการชุมนุมที่จัตุรัสมอลลาวี โบกธงเขียว ขาว แดง แสดงถึงหยาดเลือดของผู้สละชีพ ประชาชนพากันตะโกน “อเมริกาจงตาย” รวมตัวกันแน่นขนัดตามถนนหลายสาย หลายคนถือภาพนายพลสุไลมานีที่ยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษในสงครามอิรัก-อิหร่านระหว่างปี 2523-2531

ด้านนายทรัมป์ยังคงส่งสารตอบโต้ที่อิหร่านประกาศล้างแค้นสหรัฐอย่างแข็งกร้าว ว่าสหรัฐกำหนดเป้าหมายพร้อมโจมตีอิหร่านแล้ว 52 แห่ง และจะโจมตีอย่างรวดเร็วและหนักหน่วงอย่างยิ่ง หากอิหร่านโจมตีชาวอเมริกันหรือทรัพย์สินของสหรัฐเพื่อแก้แค้นให้นายพลสุไลมานี

“อิหร่านกำลังคุยกันอย่างอาจหาญมากเกี่ยวกับการโจมตีทรัพย์สินสหรัฐเพื่อตอบโต้การเสียชีวิตของนายพลสุไลมานี แต่สหรัฐระบุพื้นที่ 52 แห่งของอิหร่านมาแล้ว ล้วนเป็นพื้นที่ระดับสูงและสำคัญกับอิหร่าน วัฒนธรรมอิหร่าน ซึ่งเป้าโจมตีดังกล่าว และตัวอิหร่านเองจะถูกโจมตีอย่างรวดเร็วและหนักหากอิหร่านโจมตีสหรัฐ ขอบอกว่าสหรัฐไม่ต้องการภัยคุกคามอีกต่อไป” ทรัมป์เขียนในทวิตเตอร์

วันเดียวกัน เกิดเหตุแฮกเกอร์ ลักเจาะเว็บไซต์ American Federal Depository Library Programme ของรัฐบาลสหรัฐ พร้อมทิ้งข้อความว่า “นี่เป็นสารจากสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านว่า เราจะไม่หยุดสนับสนุนเพื่อนของเราในภูมิภาคตะวันออกกลาง ประชาชนปาเลสไตน์และเยเมนที่ถูกกดขี่ ประชาชนและรัฐบาลซีเรีย ประชาชนและรัฐบาลอิรัก ประชาชนบาห์เรนที่ถูกกดขี่ การต่อต้านจากนักรบมูจาฮีดีนในเลบานอนและปาเลสไตน์จะได้รับการสนับสนุนจากเราเสมอ และยังแสดงรูปตัดแต่งของนายทรัมป์ที่ถูกต่อยที่หน้า เลือดกบปาก”

และว่า “นี่เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งของความสามารถทางด้านไซเบอร์ของอิหร่าน”