รองโฆษกเพื่อไทยยันเงื่อนไขแก้ รธน. ห้ามแตะอำนาจ ส.ว. ส่อชนวนขัดแย้ง

เมื่อวันที่ 2 มกราคม นายชุมสาย ศรียาภัย รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตามที่ ส.ว.บางรายได้ออกมาแสดงความเห็นขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยหมวด ส.ว.นั้น ตนเห็นว่าหัวใจสำคัญของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือการแก้ไขวิธีการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งบัญญัติไว้ใน มาตรา 265 โดยเฉพาะอำนาจของ ส.ว.หากไม่แก้มาตรานี้ก็ไม่มีประโยชน์ เนื่องจากไม่ได้ปลดล็อกเป็นประตูสำคัญในการเปิดทางให้มีการพิจารณาแก้ไขในบทมาตราอื่นที่เป็นปัญหา

“การออกมาแสดงความเห็นเพื่อตั้งเงื่อนไขมีข้อห้ามแตะหมวด ส.ว.โดยบอกว่าไม่ได้หวงอำนาจ และหากจะมีการแก้ไขก็เหมือน ส.ว.โดนยึดอำนาจ แต่คนพูดคงลืมคิดว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ถูกยึดอำนาจไปโดยคณะ คสช. การที่ ส.ว.ที่ถูกแต่งตั้งโดย คสช.แล้วกลัว ส.ส.ที่เป็นตัวแทนประชาชน ยึดอำนาจเป็นเรื่องน่าตกใจ ที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมีตรรกะและหลักคิดได้ถึงเพียงนี้” นายชุมสายกล่าว

รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า จะเอาเหตุผลอะไรมาอ้างเพื่อไม่ยอมให้ ส.ส.ซึ่งได้รับฉันทานุมัติจากประชาชนเลือกตั้งเข้ามาตามวิถีทางประชาธิปไตย มาแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวดที่ว่าด้วย สถานะ และอำนาจของ ส.ว.ที่มาจากคณะ คสช.เข้ามาโดยยึดอำนาจรัฐประหาร สำหรับกรณีที่ประธานวุฒิสภาออกมาระบุว่า หากไปแตะมาตรา 256 คงไม่ผ่านนั้น ชี้ให้เห็นว่าเป็นการตั้งเงื่อนไขไว้ล่วงหน้า อาจเป็นอุปสรรคในการแก้ไข ไม่เป็นผลดีต่อบรรยากาศทางการเมืองหลังเทศกาลปีใหม่ แต่คาดว่าเรื่องนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของ ส.ว.บางรายเท่านั้น ขณะที่ ส.ว.ส่วนอื่นอาจเห็นต่างเพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤติความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น

“ส่วนตัวมองว่าเป็นไปได้ยากมากหรือเป็นไปไม่ได้ที่จะมี ส.ว. 1 ใน 3 หรือ 84 คนยอมให้มีการแก้ไขบทบัญญัติ ในส่วนของ ส.ว. เพราะไม่มีใครยอมสูญเสียสถานะ อำนาจและผลประโยชน์ ดังนั้นจึงเหลือเพียงทางเดียว คือการฉีกรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ใช่ทางออกที่พึงประสงค์ แต่ไม่มั่นใจว่าเจตนารมณ์ของผู้ยกร่างต้องการให้เกิดสถานการณ์หรือไม่ เพราะเมื่อฉีกแล้วต้องจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งเชื่อว่าผู้ร่างยังต้องวนเวียนอยู่กับกลุ่มอำนาจเดิมในกองทัพ” นายชุมสายกล่าว