ดีเอสไอส่งสรุปสำนวนสั่งฟ้อง “ชัยวัฒน์ กับพวก” 6 ข้อหาคดีฆาตกรรมบิลลี่ให้อัยการแล้ว

ดีเอสไอส่งสรุปสำนวนสั่งฟ้อง”ชัยวัฒน์กับพวก”6 ข้อหาคดีฆาตกรรมบิลลี่ให้อัยการแล้ว ทนายเผยอัยการมีเวลาพิจารณาสำนวนอีก 40 วัน ระบุสั่งฟ้องสร้างความเชื่อมั่นให้ทั่วโลกเห็นกระบวนการยุติธรรมไทย

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พ.ต.ท เชน กาญจนปัทม์ ผู้อำนวยการกองปฎิบัติการคดีพิเศษภาค ดีเอสไอ นายสุรพงษ์ กองจันทึก ทนายความ และน.ส พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ ภรรยา นายพอละจี รักจงเจริญหรือ ”บิลลี่”แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก- บางกลอย จ.เพชรบุรี ที่ถูกฆาตกรรม หลังจากตัวไปนานกว่า 5 ปีจนกระทั่งดีเอสไอพบชิ้นส่วนกระดูกถูกนำไปทิ้งในร่องน้ำภายในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จนนำไปสู่การออกหมายจับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานและพวกอีก 4 คน ร่วมแถลงข่าวภายหลังพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนคดีโดยมีความเห็นสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์และพวกใน 6 ข้อหา

พ.ต.ท.เชน กล่าวว่า วันนี้ดีเอสไอจะนำสำนวนคดีฆาตกรรมนายบิลลี่ส่งให้พนักงานอัยการพิจารณาเพื่อสั่งฟ้องคดีต่อศาลโดยสำนวนคดีของดีเอสไอพร้อมหลักฐานมีจำนวน 17 แฟ้ม 3 ลัง ยืนยันว่าที่ผ่านมาดีเอสไอได้ทำการสอบสวนรวบรวมพยาน หลักฐานในคดีนี้อย่างละเอียดและครบถ้วนที่สุด ส่วนกรณีที่นายชัยวัฒน์และพวกซึ่งก่อนหน้านี้ได้ปฎิเสธไม่ยอมให้การในชั้นสอบสวน แต่ได้เปลี่ยนใจร้องขอโดยระบุว่าจะขอยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ให้เวลาถึ่งวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่นายชัยวัฒน์ ก็ไม่ได้ส่งคำให้การมาแต่อย่างใด ดังนั้นดีเอสไอจึงต้องสรุปสำนวนส่งอัย การ และในชั้นนี้อัยการจะมีเวลาในการสรุปสำนวนภาย 40 วัน หรือยังเหลือเวลาการในการผัดฟ้องฝากขังอีก 3 ผัด

ขณะที่นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ดีเอสไอมีความเห็นสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์กับพวก 6 ข้อหา ดังนี้ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หน่วงเหนี่ยวกักขัง ใช้อาวุธข่มขืนใจและใช้กำลังประทุษร้าย ปล้นทรัพย์ ทุจริตเพื่ออำพรางศพ และกระทำผิดต่อหน้าที่ราชการ ซึ่งการทำคดีของดีเอสไอทั่วโลกให้ความสนใจเพราะบิลลี่เป็นนักต่อสู้เพื่อนักสิทธิมนุษยชน ที่ผ่านมาบิลลี่ไม่เคยมีศัตรู การสั่งฟ้องในครั้งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ต่างประเทศทั่วโลกเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยมีมาตรฐานเป็นไปตามหลักสากล และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน

ด้านนางมึนอ กล่าวว่า รู้สึกดีใจและพอใจกับการทำงานของดีเอสไอ ทำให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมยังมีอยู่จริง ทั้งนี้เมื่อคดีเดินเข้ามาถึงจุดนี้ก็ไม่มีใครมาข่มขู่คุกคาม และได้รับการดูแลจากกระทรวงยุติธรรมเป็นอย่างดี