“ฮิวแมนไรท์ วอช” จี้รัฐไทยหยุดตั้งข้อหาแฟลชม็อบ “ไม่ถอยไม่ทน” ซัดใช้กฎหมายลิดรอนเสรีภาพ

วันที่ 18 ธันวาคม 2562 ฮิวแมนไรท์ วอช องค์กรรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทางการไทยหยุดตั้งข้อหาที่มีแรงจูงใจทางการเมืองทั้งหมดต่อแกนนำพรรคอนาคตใหม่และนักเคลื่อนไหวฝ่ายประชาธิปไตยที่จัดแฟลชม็อบในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดโดยทันที

โดยเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ที่ผ่านมา ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหาต่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่จัดชุมนุมแฟลชม็อบกลางสี่แยกปทุมวันเมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อคัดค้านความพยายามของรัฐบาลในการยุบพรรคอนาคตใหม่ โดยมีประชาชนร่วมชุมนุมกว่าหมื่นคน นับว่าใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2557

นายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยประจำภูมิภาคเอเชียของฮิวแมนไรท์ วอช กล่าวว่า การดำเนินคดีกับนักการเมืองและนักเคลื่อนไหวฝ่ายตรงข้ามที่จัดการประท้วงอย่างสันติของรัฐบาลไทยนั้น แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไทยไม่จริงใจต่อการลดขั้นตอนการละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน การปรามปราบครั้งล่าสุดของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและอดีตผู้นำเผด็จการทหาร ทำให้คำมั่นสัญญาว่าจะฟื้นฟูประชาธิปไตยและเคารพหลักสิทธิมนุษยชนในไทยเป็นเรื่องตลบตะแลง

ทางการกล่าวหานายธนาธร ในการจัดชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพรบ.ชุมนุมสาธารณะและใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตภายใต้กฎหมายควบคุมการโฆษณาสาธารณะด้วยเครื่องเสียง อีกทั้งนายสนธิญา สวัสดี สมาชิกพรรคพลังประชารัฐซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ยื่นฟ้องตำรวจให้เอาผิดแกนนำพรรคอนาคตใหม่ ตามพรบ.ชุมนุมสาธารณะที่จัดการชุมนุมในระยะ 150 เมตร จากเขตพระราชฐาน เขายังกล่าวหาแกนนำพรรคฐานยุยงปลุกปั่นและแสดงความไม่เคารพต่อสถาบันฯ

ขณะที่การชุมนุมในจังหวัดเชียงใหม่ ตำรวจได้ตั้งข้อหากับกลุ่มนักเคลื่อนไหวฝ่ายประชาธิปไตยที่ใช้เฟซบุ๊กเพจชื่อ สมัชชาเสรีแห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เพื่อประชาธิปไตย ที่ชักชวนประชาชนมาร่วมชุมนุมบริเวณประตูท่าแพในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งจัดพร้อมกับที่กรุงเทพฯ

ฮิวแมนไรท์ วอชระบุอีกว่า การห้ามชุมนุมในที่สาธารณะ ถูกประกาศโดยรัฐบาลเผด็จการทหารในนาม คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งยกเลิกไปแล้วในเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา แต่ยังมีประชาชนกว่า 100 คนในกรุงเทพและต่างจังหวัดเผชิญข้อหาการชุมนุมอย่างโดยผิดกฎหมาย ภายใต้พรบ.การชุมนุมสาธารณะที่ตีความกฎหมายกว้างขวางและโดยมิชอบ บางกรณียังถูกตั้งข้อหายุยงปลุกปั่นทั้งที่จัดการชุมนุมโดยสันติ

ตามหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ซึ่งสะท้อนผ่านพันธกรณีระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ซึ่งไทยเป็นรัฐภาคีในปี 1996 ต้องปกป้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นและการชุมนุมโดยสันติ อีกทั้งผู้รายงานพิเศษด้านสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมโดยสันติและตั้งสมาคม ระบุว่า ผู้ที่ต้องการใช้สิทธิในการชุมนุมอย่างสงบไม่จำเป็นต้องยื่นขออนุญาต ดังนั้น การกำหนดบทลงโทษทางอาญากับผู้ที่ไม่ได้ขอความยินยอมจากรัฐบาลในการใช้สิทธิของตนเองในการชุมนุมอย่างสงบ ถือเป็นการแทรกแซงสิทธิขั้นพื้นฐานที่ยอมรับไม่ได้ แทนที่รัฐบาลจะอำนวยความสะดวกในการชุมนุมอย่างสงบสุข“ ภายใต้สายตาและเสียง” ของเป้าหมายที่พวกเราเข้าร่วม เมื่อรัฐบาลไม่สามารถปฏิบัติตามข้อผูกพันดังกล่าวได้ การจับกุมและดำเนินคดีกับผู้ที่พยายามรวมตัวกันในสถานที่ที่เหมาะสมนั้น ถือเป็นตอบสนองที่ไม่ได้เป็นสัดส่วนและไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง

ทั้งนี้ นายอดัมส์ กล่าวว่า หากรัฐบาลมีความกังวล ก็ควรร้องให้เจ้าหน้าที่หยุดตั้งข้อหาที่มีแรงจูงใจทางการเมืองกับผู้นำพรรคอนาคตใหม่ และรัฐบาลต่างประเทศไม่ควรเร่งรีบฟื้นความสัมพันธ์กับไทยจนกว่ารัฐบาลประยุทธ์จะจริงจังกับการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน