‘อุตตม-จุรินทร์’ควงแขนยันเสถียรภาพรัฐบาลยังดี ไม่เคยทะเลาะกัน มั่นใจดูแลศก.ปีหน้าโต 4%

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในเสวนาโฉมหน้าประเทศไทย 2020 ว่า ในปี 2562 เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอน ทำให้เกิดปัญหาภาวะเศรษฐกิจถดถอย และคาดว่าจะเกิดผลกระทบต่อเนื่องไปจนถึงปี 2563โดยในส่วนของไทยนั้นภาวะเศรษฐกิจยังไม่ถึงขั้นถดถอยแบบเศรษฐกิจโลกหรือถดถอยเหมือนบางประเทศที่มีภาวะเศรษฐกิจติดลบ เพราะเศรษฐกิจไทยปีนี้ยังสามารถโตได้แต่ช้าลงกว่าปีที่แล้วที่โต 4% โดยในปีหน้าคงต้องติดตามความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลก เแต่ในส่วนของไทยเชื่อว่าจะมีแรงส่งจากการบริโภคที่ดีขึ้น สะท้อนจากการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม(แวต)ในเดือนตุลาคมขยายตัวถึง 6% ดังนั้นคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะดีกว่าปีนี้ หากจำเป็นต้องออกมาตรการมาดูแลกระทรวงการคลังพร้อมดำเนินการเพิ่มเติม เพื่อดูแลเศรษฐกิจระยะสั้นช่วงปี 2563 ให้เดินได้ต่อไป

นายอุตตมกล่าวว่า ในการทำงานของกระทรวงการคลังมีโจทย์ใหญ่ 2 เรื่อง คือ เรื่องแรกคือการปฏิรูปประเทศ การปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจฐานราก เพื่อให้เข้มแข็งต่อสู้เศรษฐกิจนอกประเทศ และเรื่องที่สองคือการสร้างความเชื่อมั่น เดินหน้าโครงสร้างพื้นฐานประเทศทั้งระบบราง ถนน อากาศ โดยในปีหน้าให้ความสำคัญเรื่องโครงสร้างพื้นฐานใช้ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ พีพีพี มาขับเคลื่อนเงินลงทุนให้มากขึ้น

นอกจากนี้เตรียมลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยใหม่ในเดือนมกราคม 2563 และให้สวัสดิการใหม่ๆ เพิ่มเติม รวมถึงเร่งรัดการปฏิรูปภาษีทั้งระบบ ไม่เฉพาะแค่บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลเท่านั้น ส่วนภาษีเก็บอีคอมเมิร์ชเก็บจากต่างชาติทำธุรกิจออนไลน์ในไทยนั้นขณะนี้อยู่กระบวนการพิจารณาของกฤษฎีกา ถ้าแล้วเสร็จจะเสนอครม.เพื่อเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ต่อไป

นายอุตตม กล่าวถึงเสถียรภาพรัฐบาลว่า รัฐบาลยังทำงานด้วยกันทุกพรรค มีเป้าหมายทำงานเดียวกัน มีเวทีหารือทั้งครม.ใหญ่และครม.เศรษฐกิจ ดังนั้นยืนยันว่าทุกพรรคทำงานด้วยกันไม่ใช่ว่าต่างคนต่างทำ ซึ่งรัฐมนตรีทุกคนมีความรับผิดชอบของตัวเอง วันก่อนไปสภาฯ ไปตอบกระทู้แทนนายกฯเรื่องมาตรการกระตุ้น มีการถามว่าเราทะเลาะกันในครม.เศรษฐกิจไหม ตอบว่าไม่มี และยืนยันอีกครั้งในเวทีเสวนานี้ว่าไม่มี

ด้านนายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์  รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  กล่าวในเวทีเดียวกันว่า เสถียรภาพรัฐบาลขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยคือเสียงในนสภา ถ้ารัฐบาลมีเสียงมาก อนุมานตามคณิตศาสตร์ทางการเมืองว่าเสถียภาพรัฐบาล จะมากหน่อย ถ้าเสียงปริ่มน้ำจะทำให้ใจหายใจคว่ำ แต่ว่าสำคัญคือผลงานในการทำงานถ้ารัฐบาลสามารถสร้างผลงานให้ปรากฎทั้งเศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ ก็จะทำให้เกิดเสถียรภาพ เพราะคนไทยทั้งประเทศจะสนับสนุนให้อยู่ต่อไป ซึ่ง 2 เรื่องต้องไปด้วยกัน

“จากการทำงานร่วมกันมา 4-5 เดือนผมมั่นใจว่าทุกท่านทราบหน้าที่แม้จะต้องแบ่งกระทรวงกัน การเป็นรัฐบาลผสมไม่ใช่ว่าต้องมีปัญหากัน การบริหารจัดการรัฐบาลผสมมีวิธิการบริหารจัดการ ทุกคนรู้หน้าที่ มีวุฒิภาวะรู้ว่าต้องทำอย่างไรและรู้เป้าหมาย ผมทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุด กระทรวงอื่นก็ทำหน้าที่เพื่อไปสู่เป้าหมายไปเดียวกัน โดยมีครม.เป็นตัวตัดสินสุดท้าย และมีพูดคุยในครม.เศรษฐกิจ ซึ่งหัวโต๊ะคือนายกฯ คนเดียว”นายจุรินทร์กล่าว

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า การดำเนินการของรัฐบาลและความร่วมมือระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลจะทำให้เศรษฐกิจปีหน้าโตได้ถึง 4% โดยในปีหน้ากระทรวงพาณิชย์เร่งรัดผลักดันการส่งออกในตลาดใหม่ เดินหน้าเจรจาการค้า เดินหน้าโครงการประกันรายได้พืชผลทางการเกษตร ผลักดันราคาสินค้าเกษตรให้สูงขึ้น ทูตพาณิชย์ต้องทำหน้าที่เป็นเชลล์แมนประเทศหิ้วสินค้าไทยไปขายในต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร 5 ชนิด ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ต้องทำหน้าที่เป็นหัวหน้าเชลล์แมน เพื่อผลักดันการค้าขายสินค้าไทยไปต่างประเทศ  โดยจากการไปเชลล์แมนที่ผ่านมาขายสินค้าไปแล้ว 6 หมื่นล้านบาท

 

อุตตม-จุรินทร์ขึ้นเวทีเดียวเป็นครั้งแรก