“เสี่ยหนู”ขอดูเงื่อนไข ก่อนอ้าแขนรับ “4 อดีตส.ส.อนค.”โว ภท.เน้นทำงาน การเมืองเป็นรอง

“เสี่ยหนู” ขอดูเงื่อนไข ก่อนอ้าแขนรับ “4 อดีตส.ส.ส้มหวาน” โวภท.ทำงานเพื่อประชาชนเป็นหลัก การเมืองเป็นรอง

เมื่อเวลา 08.35น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าว 4 งูเห่าของพรรคอนาคตใหม่จะย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทย ว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกับใคร และเมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่มีข่าวของพรรคอนาคตใหม่ออกมา ตนก็ทราบตอนที่มีการออกข่าวมาแล้ว

เมื่อถามว่าเห็นก่อนหน้านี้ น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส. เชียงใหม่ พรรคอนาคตใหม่เคยมาพบที่ทำเนียบรัฐบาลนายอนุทิน กล่าวว่า เขามาประสานเรื่องโครงการที่ยังค้างคาอยู่ของสธ.ที่อยู่ในเขตเลือกตั้งของเขา อย่างที่บอกสธ.มีหน้าที่ดูแลคน จะเลือกพรรคไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นพรรครัฐบาลหรือพรรคฝ่ายค้าน แล้วอย่างนี้พื้นที่ที่ไม่มีฝ่ายรัฐบาลเป็นส.ส.ใครจะดูแล คนป่วยคือคนไทยทุกคน

เมื่อถามว่ามีเงื่อนไขหรือไม่หากเขาจะย้ายมาอยู่กับพรรคภูมิใจไทย นายอนุทินกล่าวว่า ยังไม่ได้คิด และข้อกฎหมายจะเป็นอย่างไร จึงยังไม่ได้คิดอะไรถึงขนาดนั้นการเมืองยังไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขที่จะต้องขาดโน่นขาดนี่ เมื่อถามว่าถ้าจะตัดสินใจจะต้องเป็นมติของที่ประชุมพรรคหรือไม่ นายอนุทินหัวเราะก่อนตอบว่า ยังไม่รู้เลยต้องขอเช็กก่อนว่ามีกฎระเบียบอะไรหรือไม่ แต่ในรัฐธรรมนูญเขียนไว้อยู่แล้วว่าต้องหาพรรคสังกัดภายใน 30 วัน คงจะมีขั้นตอนอะไรต่าง ๆ อยู่แล้ว อย่าเพิ่งไปซีเรียส ปีใหม่แล้วและการที่จะเพิ่มเข้ามา 4 คนแล้วมีอะไรดีขึ้นหรือไม่

เมื่อถามว่าถ้าหากมาอยู่ที่พรรคภูมิใจไทยจริงก็จะทำให้เกิดความเข้มแข็งกับพรรคหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เราทำงาน ความเข้มแข็งอยู่ที่ผลงาน เรารู้สึกได้เองไม่ต้องให้ใครมาบอก

เมื่อถามว่าหากมาจริงก็ไม่มีเงื่อนไขอะไรใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ต้องมานั่งดูเงื่อนไขอะไรเป็นยังไงยังไม่ได้คิดอย่างที่บอกการขับออกเป็นทางการหรือยังเราก็ยังไม่รู้ ข่าวบางกระแสบอกว่าเป็นเพียงแนวคิด อีกกระแสบอกว่าขับเรียบร้อยแล้ว ถ้าขับแบบนี้ก็แน่นอนว่าอย่างน้อยเขาไม่ได้อยู่อีกฝั่งหนึ่ง เราก็ไม่ต้องไปคิดอะไร เมื่อถามว่าการที่จะย้ายมาอยู่กับพรรคภูมิใจไทยเขาอาจจะอุ่นใจที่มาอยู่พรรคกลางๆจะไม่โดนโจมตีมากเกินไป นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยบอกแล้วว่ามาทำงาน เอาผลงานเอาการทำงานเป็นหลัก เรื่องการเมืองเป็นเรื่องรอง เราต้องรู้ตัวเองว่าเราไม่ได้เป็นพรรคใหญ่หรือพรรคหลัก ถ้าสังเกตอยู่ในสภาวะที่อยู่ในระเบียบวินัยมาตลอดโหวตเมื่อไหร่ก็ทำตามมติของพรรคร่วมรัฐบาลทุกครั้งไม่มีปัญหาตรงนี้คือจุดแข็งของพรรคภูมิใจไทย