“ทรัมป์” ไฟเขียวข้อตกลงการค้าเฟสแรก ระงับขึ้นภาษีจีนก่อนเส้นตาย

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกา ได้อนุมัติหลักการเบื้องต้นใน “ข้อตกลงการค้าเฟสแรก” ระหว่างสหรัฐและจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้สหรัฐจะไม่เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าของจีนตามกำหนดการเดิมในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ตามที่หลายฝ่ายหวาดวิตก

ทั้งนี้ คณะผู้แทนการเจรจาการค้าของสหรัฐได้เปิดเผย ณ ทำเนียบขาวว่า สามารถบรรลุข้อตกลงข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนได้ โดยจีนให้คำมั่นว่าจะนำเข้าสินค้าเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะถั่วเหลืองและสัตว์ปีก โดยข้อมูลของ “รอยเตอร์ส” ระบุว่า จีนตกลงจะนำเข้าสินค้าเกษตรสหรัฐเพิ่มขึ้นในมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 นับว่าเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าจากการนำเข้าสินค้าเกษตรสหรัฐในปี 2017

ขณะเดียวกัน สหรัฐก็ตกลงจะระงับการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของจีนในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และของเล่น มูลค่ารวม 1.60 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในอัตรา 15% อีกทั้งยังตกลงจะลดอัตราภาษีลงถึง 50% ของภาษีที่สหรัฐเรียกเก็บจากการนำเข้าสินค้าจีนก่อนหน้านี้

ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ระบุในทวิตเตอร์ส่วนตัวในวันที่ 12 ธ.ค. ถึงความคืบหน้าในครั้งนี้ว่า “ใกล้บรรลุข้อตกลงอันยิ่งใหญ่กับจีนแล้ว พวกเขาต้องการเช่นนั้นและพวกเราก็กำลังทำให้มัน!”

ซึ่งท่าทีที่เปลี่ยนไปของประธานาธิบดีทรัมป์ครั้งนี้ได้สร้างความประหลาดใจให้กับหลายฝ่าย เนื่องจากก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า อาจตัดสินใจเลื่อนการบรรลุข้อตกลงดังกล่าวกับจีนออกไปจนถึงหลังเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือน พ.ย. 2020 ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลกที่เกรงว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจอาจยืดเยื้อยาวนาน

อย่างไรก็ตาม การอนุมัติหลักการเบื้องต้นของประธานาธิบดีทรัมป์ในครั้งนี้ ยังต้องเข้าสู่ขั้นตอนการลงนามระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศ ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่าจะมีการลงนามระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเมื่อใด แต่ก็นับเป็นสัญญาณว่าสงครามการค้ากำลังคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง