สภาฯ-เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ที่รัฐสภา เกียกกาย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ตามที่ 213 ส.ส.ฝ่ายค้าน นำโดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ และนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอ

นายเทพไท เสนพงษ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้เสนอ อภิปรายว่า รัฐธรรมนูญ 2560 ที่หลายฝ่ายนิยามว่า ปราบโกงนั้น ตนมองว่าไม่จริง เนื่องจากนำเนื้อหาการถอดถอนนักการเมืองออกจากตำแหน่งออกไป รวมถึงการตัดสินคดีโกงของนักการเมือง จากเดิมที่ใช้เพียงศาลชั้นเดียว ระบุให้อุทธรณ์ได้ถือว่า เพิ่มขั้นตอนให้คนทุจริต ดังนั้น หากให้เกิดความเด็ดขาดและปราบโกง ขอให้เหลือเพียงศาลเดียว นอกจากนั้นการทุจริตเลือกตั้งที่ระบุว่าไม่ให้เข้าสู่วงการการเมือง แต่พบว่าการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2560 จำนวน 350 เขตนั้น กกต.​ไม่สามารถทำได้จริง

“ดังนั้น รัฐธรรมนูญปราบโกงไม่ได้จริง เป็นไปได้อย่างไร ที่ไม่มีใบแดงจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สักใบเดียว มีแต่เฉพาะให้ใบส้ม 1 ใบ และใบเหลือง จำนวน 1 ใบ ทั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับการซื้อเสียงโดยตรง แต่มาจากการทำบุญ ดังนั้น ผมรอดูการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้าน หากรัฐธรรมนูญปราบโกงได้จริง คงไม่มีประเด็นอภิปรายเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะรัฐธรรมนูญจัดการหมดแล้ว ส่วนส.ว.​จำนวน 250 คน ที่มาโดยการสรรหาโดยคณะกรรมการขุนพลลึกลับ จำนวน 10 คน ที่มาจากคนในแวดวงคสช.​ และคนสรรหาได้มาเป็นส.ว. รวมถึงบางคนมีตำแหน่งทางการเมือง ไม่ยึดโยงประชาธิปไตย คงมีประเทศไทยประเทศเดียวที่ผู้ใต้บังคับบัญชา คือ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ 6 คน ได้เป็นส.ว. เพื่อควบคุมผู้บังคับบัญชาหรือนายกฯ ถือว่า ผิดฝาผิดฝั่ง” นายเทพไท กล่าว