รอดไม่รอด! กสิกรไทยเปิด 3 โจทย์หินกระทบทำธุรกิจปีชวด

นางสาวเกวลิน หวังพิชญสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจในปี 2563 ต้องประสบกับโจทย์ยาก 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่ 1.เงินบาทที่คาดว่าจะมีค่าเฉลี่ยรายปีแข็งค่ากว่าในปีนี้ โดยค่าเงินบาทตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันแข็งค่า 7.7% ซึ่งปี 2563 คาดแข็งค่าเพิ่มอีก 3.8% จะกระทบให้รายได้ของธุรกิจส่งออกลดลงทันที 3.8% โดยไม่ได้ทำอะไร โดยธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบ ได้แก่ สินค้าเกษตร รถยนต์ และท่องเที่ยว เป็นต้น และจะส่งผลตามมาให้ภาคการผลิตลดกำลังการผลิตลง จนกระทบการจ้างงาน โดยปัจจุบันการจ้างงานลดลงกว่า 7 หมื่นตำแหน่ง คาดทั้งปีลดลงราว 1 แสนตำแหน่ง และคาดว่าการจ้างงานในภาคการผลิต ปี 2563 จะได้รับผลกระทบเพิ่มเติมอีกกว่า 3 หมื่นตำแหน่ง 2.สถานกาณ์ภัยแล้ง ที่จะกระทบกับภาคเกษตรและซัพพลายเชนที่เกี่ยวเนื่อง โดยปริมาณน้ำในเขื่อนที่ใช้การได้ล่าสุดอยู่ในระดับที่น้อยกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนในทุกภาค ดังนั้น ภัยแล้ง 2563 อาจจะรุนแรงกว่า 2562 แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์ฝนว่าจะตกตามฤดูกาลหรือจะเลื่อนตกหรือไม่ ซึ่งจะกระทบปริมาณผลผลิต มีผลให้จีดีพีภาคเกษตรและรายได้เกษตรกรมีโอกาสติดลบ 0.5% จากปีนี้ที่รายได้เกษตรขยายตัว 2.2% และ 3.ค่าแรงขั้นต่ำ ที่จะเพิ่มขึ้นในปี 2563 เฉลี่ยประมาณ 5 บาทจากเดิมหรือเพิ่มขึ้นราว 1.6% จะมีผลเพิ่มต้นทุนแรงงานเฉลี่ยอีก 0.3% โดยผลกระทบแต่ธุรกิจจะแตกต่างกัน ซึ่งเฉลี่ยต้นทุนแรงงานของธุรกิจอยู่ที่ 17% โดยธุรกิจที่ต้นทุนแรงงานสูงกว่าค่าเฉลี่ยจะได้รับผลกระทบ อาทิ ร้านอาหาร ค้าปลีก ค้าส่ง ก่อสร้าง ซึ่งอาจจะกระทบต่อราคาที่อยู่อาศัย และสินค้าโภคภัณฑ์

“ปี 2563 ธุรกิจที่ต้องติดตาม คือ ธุรกิจเกษตร จะเป็นกลุ่มที่เผชิญผลกระทบทั้งค่าเงินบาทแข็ง ภัยแล้ง และค่าแรงพร้อมๆ กัน ซึ่งเป็นกลุ่มที่เราเป็นห่วงมากที่สุด ภาครัฐอาจต้องเตรียมนโยบายเฉพาะด้านเพื่อดูแลกลุ่มนี้ ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะยังไม่ฟื้นตัว ผู้ประกอบการยังระมัดระวังในการทำพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพราะซัพพลายคงค้างที่มีอยู่ 2 แสนยูนิต ต้องใช้ระยะเวลาในการระบายราว 2 ปี ซึ่งนานกว่าปกติ ส่วนธุรกิจที่ยังเติบโตได้ คือ ธุรกิจท่องเที่ยว ค้าปลีกออนไลน์ รวมทั้งธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับด้านสุขภาพ ขนส่งและโลจิสติกส์ เป็นต้น” นางสาวเกวลิน กล่าว