“นิยม” อัดรัฐอุ้มพ่อค้าข้าวกดหัวชาวนา ชี้นโยบายประกันสินค้าเกษตรจับต้องไม่ได้

วันที่ 9 ธันวาคม 2562 นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า นโยบายที่รัฐบาลบอกว่าเป็นนโยบายที่จะมาช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้มีรายได้สูงขึ้น เป็นนโยบายที่เขียนไว้ในอากาศเท่านั้นจับต้องไม่ได้ เพราะในสถานการณ์ปัจจุบันโดยเฉพาะเกษตรกรผู้ปลูกข้าว

จากเดิมก่อนมีการประกาศราคาประกัน เกษตรกรขายข้าวโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ได้ราคาตลาดเป็นราคาที่เกษตรกรรับได้ แต่หลังจากมีการประกาศนโยบายและประกาศราคาประกันออกมาส่งผลให้ราคารับซื้อลดลงมากจากเดิมที่เกษตรกรจะขายได้ที่ 13,000 บาทต่อตันพอประกาศราคาประกันมาเกษตรกลับขายได้ที่ 11.000 บาทต่อตันเท่านั้น

ที่เป็นเช่นนี้เพราะพ่อค้าอ้างว่าให้ไปรับส่วนต่างจากรัฐ ในขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์มีการประกาศราคาอ้างอิงที่ใกล้เคียงกับราคาประกัน ส่งผลให้เกษตรกรไม่สามารถไปรับส่วนต่างได้ ดังนั้นนัยยะของการประกาศราคาประกันรายได้เกษตรกร ไม่มีอยู่จริงแต่เป็นการประกันกำไรให้กับพ่อค้ามากกว่า เปิดทางให้พ่อค้ากดราคารับซื้อข้าวจากเกษตรกร เพื่อขายทำกำไรให้กับผู้ส่งออก เพราะราคาข้าวหอมมะลิในตลาดโลกไม่ได้ลดลง ยังซื้อขายกันอยู่ที่ตันละ 15,000-16,000 บาทต่อดัน

นายนิยม กล่าวด้วยว่า ดังนั้นนโยบายนี้ไม่ได้ต้องการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างแท้จริง แต่รัฐเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มผู้ส่งออกที่ซื้อข้าวจากเกษตรกรราคาถูกแล้วนำแล้วไปจำหน่ายที่ราคาแพง แม้แต่ในประเทศไทยพ่อค้าซื้อรับซื้อข้าวจากเกษตรกรราคาไม่เกินกิโลละ 11 บาท แต่มาขายในห้างหรือร้านค้าไม่ต่ำกว่า 40 บาท รัฐไม่มีนโยบายที่จะช่วยเหลือเกษตรกร อย่างแท้จริง

“ไม่เข้าใจว่ารัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์เอาหลักเกณฑ์มาเป็นหลักคิดราคาอ้างอิงสินค้าสินค้า หากรัฐมีนโยบายที่จะช่วยเหลือเกษตรกรรัฐต้องตั้งราคาประกันให้สูงไปเลยที่ เช่น รัฐบาลตั้งราคาประกันข้าวหอมมะลิที่ 16,500 บาท พร้อมกับประกาศราคาอ้างอิงที่ 14,500-15,000 บาท จะมีส่วนต่างให้เกษตรกรไปรับเงินชดเชยจากภาครัฐได้ หากทำอย่างนี้ก็จะช่วยเกษตรกรได้ แต่แบบที่รัฐทำเป็นการกระทืบเกษตรกรแต่อุ้มพ่อค้ามากกว่า รัฐควรมองที่เกษตรกรเป็นหลักไม่ใช่ให้ความสำคัญกับพ่อค้า ดังเช่นที่รัฐกำลังดำเนินการอยู่” นายนิยม กล่าว