เมื่อผู้ก่อตั้งหัวเว่ย ไม่สนเรื่องสหรัฐแบนอีกแล้ว

หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุด และผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับสองของโลก ประกาศกร้าวว่า หัวเว่ยเลิกสนใจการโจมตีอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกา ไปนานแล้ว

“เราไม่คาดหวังว่าสหรัฐอเมริกาจะถอนชื่อหัวเว่ยออกจากบัญชีดำ” นายเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของหัวเว่ย ประกาศระหว่างการให้สัมภาษณ์เมื่อเร็วๆ นี้กับหนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล และว่า “ให้อเมริกาใส่ชื่อหัวเว่ยในบัญชีดำตลอดไปก็ได้ เพราะเราอยู่ได้สบายๆ อยู่แล้ว”

ทั้งนี้ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หัวเว่ยถูกรวมเข้าไปอยู่ในบัญชี Entity List หรือบัญชีดำของสหรัฐอเมริกา มีผลบังคับไม่ให้หัวเว่ยทำธุรกิจใดๆ กับบริษัทสัญชาติอเมริกัน นับเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่หัวเว่ยมองว่ามีผลกระทบเพียงเล็กน้อยกับธุรกิจของบริษัท ภายหลังจากการขึ้นบัญชีดำ นายเหรินเองได้คาดการณ์ไว้ว่าหัวเว่ยอาจต้องสูญเสียรายได้ราว 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่การประเมินของเขากลับไม่ถูกต้อง เพราะบริษัทประกาศว่ารายได้ในช่วง 9 เดือนแรกของปีเติบโตสูงขึ้นถึง 24% ในเดือนกันยายน นายแอนดี้ เพอร์ดี้ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยของหัวเว่ย เทคโนโลยี่ สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า บริษัทซื้อชิ้นส่วนจากบริษัทอเมริกาไปเป็นมูลค่ากว่า 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2018 ซึ่งหากขาดรายได้จากการสั่งซื้อของหัวเว่ย บริษัทสหรัฐจะต้องขาดทุนมหาศาล

แม้ว่าจะโดนแบน นายเหรินกล่าวย้ำว่า เขาไม่เคยเกลียดสหรัฐ และหัวเว่ยก็จะไม่ปิดประตูใส่ประเทศใดๆ เพื่อประโยชน์ด้านความก้าวหน้าและการพัฒนาด้านดิจิทัลอย่างรวดเร็วของโลก ซีอีโอของหัวเว่ยกล่าวย้ำมาโดยตลอดว่าตนยึดถือหลัก “ความร่วมมือที่เปิดกว้างเพื่อความสำเร็จร่วมกัน” และต้องการที่จะทำงานกับทุกประเทศทั่วโลกเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาโลกยุคดิจิทัล

เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา นายเหรินได้ประกาศขายเทคโนโลยี 5G ของหัวเว่ย รวมถึงองค์ความรู้และลิขสิทธิ์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวให้แก่บริษัทสหรัฐ ซึ่งในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ นายเหรินได้ย้ำว่าข้อเสนอของเขานั้นเป็นเรื่องจริง และยังเปิดรับอยู่ แต่จนขณะนี้ก็ยังไม่มีบริษัทใดติดต่อเข้ามา

เมื่อนักข่าวถามเรื่องข้อกล่าวหาที่ปราศจากหลักฐานของสหรัฐ ที่ว่าหัวเว่ยอาจต้องปฏิบัติตามกฎหมายในการส่งข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าให้แก่รัฐบาลจีนหากมีการร้องขอ นายเหรินกำชับว่า เขาและพนักงานเกือบ 200,000 คนทั่วโลกจะปฏิเสธคำร้องขอนั้น พร้อมยืนยันว่า บริษัทมีมาตรการที่เข้มงวดต่อการทำผิดกฎระเบียบของพนักงาน และบุคคลใดก็ตามที่ทำความผิดจะได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง

ทั้งนี้ นายเหรินรวมถึงผู้บริหารระดับสูงทุกคน ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาของรัฐบาลสหรัฐ เรื่องการสอดแนมมาหลายต่อหลายครั้งว่า มันไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด นี่เป็นเพียงการโจมตีโดยมีเหตุจูงใจทางการเมืองของสหรัฐ ซึ่งหวังทำลายการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี 5G ของหัวเว่ย ถึงกระนั้นก็ตาม บริษัทก็ยังนำโด่งในฐานะผู้ให้บริการโซลูชั่น 5G ที่ครบวงจรและทันสมัยที่สุด และได้คว้าสัญญา 5G เชิงพาณิชย์ไปแล้วกว่า 50 ฉบับทั่วโลก หัวเว่ยจะไม่มีวันหยุดพัฒนานวัตกรรมด้าน 5G, AI และโมบายเทคโนโลยี โดยถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา (อาร์แอนด์ดี) มากที่สุดในโลก ในอีก 5 ปีข้างหน้า หัวเว่ยมีแผนที่จะทุ่มงบถึง 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อก่อตั้งศูนย์นวัตกรรมและอาร์แอนด์ดีทั่วโลก