10 ส.ส.งูเห่าฝ่ายค้าน “เพื่อไทย-อนาคตใหม่-เศรษฐกิจใหม่” ยกมือโหวตนับองค์ประชุม

เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 4 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า การประชุมสภาฯ ในช่วงบ่าย ส.ส.ซีกรัฐบาลและบรรดารัฐมนตรีที่เป็นส.ส. อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายอธิรัช รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ได้ทยอยเดินทางมาถึงรัฐสภากันอย่างต่อเนื่อง ตามที่วิปรัฐบาลสั่งการให้ส.ส. และรัฐมนตรีทุกคนให้มาอยู่พร้อมเพรียงกันบริเวณห้องประชุมสภาฯ หรือบริเวณรอบๆห้องประชุมตั้งแต่เวลา 14.00 น.เป็นต้นไป

พร้อมกับมีการให้วิปรัฐบาล 1 คน เช็กเสียงส.ส. 6 คนที่อยู่ในการดูแลอยู่ตลอดเวลาว่า มาครบถ้วนแล้วหรือยัง โดยให้วิปแต่ละพรรคแจ้งมายังวิปรัฐบาลว่า แต่ละพรรคยังขาดใครบ้าง

กระทั่งเวลา 16.00 น. หลังจากที่วิปรัฐบาลเช็กเสียงจากทุกพรรครัฐบาลเรียบร้อยแล้ว จึงได้คอนเฟิร์มว่า ได้เสียงครบองค์ประชุมแล้ว 250 เสียง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกศาลฎีกาสั่งออกหมายจับ หลังจากไม่ยอมไปฟังคำพิพากษาคดีล้มการประชุมอาเซียนนั้น ได้เดินทางมาที่รัฐสภาตั้งแต่ช่วงเช้า โดยขึ้นลิฟต์จากชั้นใต้ดินไปยังห้องประชุมสภาฯทันที เพื่อหลีกเลี่ยงการเจอกับสื่อมวลชน จากนั้นเข้าไปนั่งรออยู่ในห้องประชุมสภาฯ

ต่อมาเวลา 17.30 น. นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาคนที่ 1 เปิดให้แสดงตน เพื่อนำเข้าสู่ญัตติตั้งกมธ.ศึกษาผลกระทบจากม.44 ท่ามกลางการจับตามองของทุกฝ่ายว่า สภาจะล่มครั้งที่ 3 หรือไม่ จากนั้นนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงประธาน โดยจะให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีนี้ต้องนับคะแนนใหม่หรือไม่นับคะแนนใหม่

ด้านนายวิรัช รัตนเศรษฐ วิปฝ่ายรัฐบาล ยืนยันว่าจะไม่ถอนญัตติ และยืนยันการนับคะแนนใหม่ ทำให้นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ยืนยันจะวอล์กเอาต์ โดยนายสุชาติพยายามควบคุมการประชุม พร้อมยืนยันเป็นส.ส.อยู่ในสภาฯมา 10 กว่าสมัย ข้อบังคับการประชุมแทบไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นการนับคะแนนใหม่ ในทางปฏิบัติกันมานานคือการลงคะแนนใหม่

จากนั้นนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.อนาคตใหม่ ลุกขึ้นยืนยันต้องนับคะแนนใหม่ ไม่ใช่ลงคะแนนใหม่ แม้จะปฏิบัติแบบนี้กันในสภาฯ มานาน แต่ก็อาจไม่ถูกต้อง

ต่อมาเวลา 18.05 น. ส.ส.ฝ่ายค้านได้เริ่มทยอยวอล์กเอาต์ออกจากห้องประชุม ขณะที่นายสุชาติ ได้นับองค์ประชุม ได้ 261 เสียง ทำให้ครบองค์ประชุมและสามารถลงมติได้ ก่อนให้นับคะแนนใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการนับองค์ประชุมสภาฯ ก่อนที่จะนับคะแนนใหม่ในญัตติด่วน ขอให้สภาฯ ตั้งกมธ.วิสามัญ ศึกษาผลกระทบจากการกระทำประกาศ และคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 ซึ่งผลการนับองค์ประชุมปรากฎว่ามีผู้แสดงตนต่อที่ประชุม 261 คนถือว่าเกินกึ่งหนึ่ง ทำให้สภาฯ ดำเนินการขอนับคะแนนใหม่ในญัตติดังกล่าวได้

จากการตรวจสอบพบว่ามี ส.ส.ของพรรคฝ่ายค้าน ได้แสดงตนเพื่อนับเป็นองค์ประชุม 10 คน แบ่งเป็น พรรคเพื่อไทย 3 คน ได้แก่ นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี , น.ส.พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี, นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม.

พรรคอนาคตใหม่ 2 คน ได้แก่ นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทรบุรี พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี พรรคเศรษฐกิจใหม่ 4 คน ได้แก่ นายภาสกร เงินเจริญกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นางมารศรี ขจรเรืองโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายสุภดิช อากาศฤกษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และพรรคประชาชาติ 1 คนได้แก่ นายอนุมัติ ซูสารอ ส.ส.ปัตตานี