‘ส.ศิวรักษ์-ศรีศักร’ หนุนค้านทางเลียบเจ้าพระยา ฉะ เป็น ‘อนุสาวรีย์ขายความอาย’ ต้องหยุดยั้ง

‘ศรีศักร-ส.ศิวรักษ์’ ร่วมค้านทางเลียบเจ้าพระยา ชี้ คือ ‘อนุสาวรีย์ขายความอาย’ ต้องหยุดยั้ง

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 ธันวาคม ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (Bacc) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมัชชาแม่น้ำ และ 35 องค์กรภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม และชุมชนต่างๆ เดินทางมารวมพลังระดมความคิดเห็นเพื่อต้านแผนก่อสร้างทางเลียบเจ้าพระยาเฟสแรก จากสะพานพระราม 7 ถึงกรมชลประทาน สามเสน โดยมีความเห็นตรงกันว่า โครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ในรูปแบบของการสร้างถนนลงไปในแม่น้ำ มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตริมแม่น้ำ ศิลปวัฒนธรรม การคมนาคม ด้านวิศวกรรมและผังเมือง อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขัดต่อรัฐธรรมนูญ

โดยหลังจากที่นายอัชชพล ดุสิตนานนท์ นายกสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้อ่านแถลงการณ์ หยุดทางเลียบแม้น้ำเจ้าพระยา และขอให้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี สั่งยุติโครงการเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ชาติบ้านเมือง

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้ทางสมัชชาแม่น้ำจะดำเนินการอย่างไรต่อไป นายอัชชพลกล่าวว่า จะเป็นไปตามขั้นตอน และยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ จะดำเนินการจนถึงที่สุด และจะทำด้วยความรอบคอบ ไม่ทำด้วยการใช้อารมณ์

“กราบเรียนว่าเราไม่ได้เป็นปรปักษ์กับรัฐบาล เราไม่ได้เป็นปรปักษ์กับ กทม. เราทำในฐานะภาคประชาสังคมที่รักและอยากเห็นสิ่งดีๆ ส่งต่อให้กับคนรุ่นต่อไป” นายอัชชพลกล่าว

ย้อนอ่าน : สมัชชาแม่น้ำฯ แถลงจุดยืน ไม่เอา ‘ทางเลียบเจ้าพระยา’ หลัง กทม.ประกาศเดินหน้า (คลิป)

เมื่อถามถึงความคืบหน้าการยื่นเรื่องไปยังศาลปกครอง เพื่อขอให้พิจารณาระงับโครงการทางเลียบแม่น้ำเจ้าพระยานั้น

นางภารนี สวัสดิรักษ์ นักวิชาการอิสระด้านผังเมืองในฐานะภาคีเครือข่าย ผู้ยื่นฟ้องศาลปกครอง กล่าวว่า ขณะนี้ศาลปกครองรับคำร้องแล้ว โดยคำร้องข้อแรกที่ขอให้ศาลพิจารณาคือ 1.เป็นโครงการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้เพิกถอนโครงการ ซึ่งศาลส่งเอกสารของผู้ฟ้องให้ผู้ถูกฟ้องแล้ว โดยเราฟ้องตั้งแต่คณะรัฐมนตรี ไปจนถึงกรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการอำนวยการโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา

“ตอนนี้ผู้ถูกฟ้องทำเอกสารโต้แย้งให้เราทำข้อโต้แย้งคัดค้าน ซึ่งเราจะยื่นภายในกลางเดือนมกราคม 2563 ขณะนี้ได้มีการหารือกับทีมกฎหมายอยู่ จึงขออนุญาตไม่แจ้งรายละเอียด แต่จากเอกสารโต้แย้งมีข้อพบว่า ยังเป็นการทำงานที่ไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ อยู่ที่ศาลพิจารณา แต่เราจะทำเอกสารโต้แย้งไปตามกระบวนการและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พร้อมหลักฐานมากเท่าที่จะหาได้” นางภารนีกล่าว

นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส. ศิวรักษ์ นักเขียน นักวิชาการอิสระ หนึ่งในผู้ร่วมคัดค้าน กล่าวว่า ขอพูดอย่างตรงไปตรงมา สิ่งสำคัญที่สุดของคนไทยคือแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ตอนนี้แม่น้ำเจ้าพระยาเต็มไปด้วยมลพิษ ถุงพลาสติกตื้นเขินไปหมด ลงไปอาบก็คัน รอบแม่น้ำเจ้าพระยา เราทำได้ แม่น้ำไรน์ในยุโรปผ่านหลายประเทศ แต่ก่อนก็เน่าเหม็น เดี๋ยวนี้สะอาด ทะเลสาบเจนีวาก็หลายประเทศ ฝรั่งทำได้ ทำไมเราต้องกลัวฝรั่ง เราทำได้ไม่แพ้ฝรั่ง

“แต่ทางเลียบแม่น้ำเจ้าพระยานั้นเป็นการลงทุนเพื่อธรรมชาติ เพื่อลูก เพื่อหลาน เพื่อศักดิ์ศรี ส่วนการทำถนนเลียบแม่น้ำนั้น มีเงิน มันกินกัน มันโกงกัน มันจะสร้างอนุสาวรีย์ไว้ขายความอาย ผมอยากจะให้ตราความข้อนี้ไว้” นายสุลักษณ์กล่าว

ศ.ศรีศักร วัลลิโภดม นักวิชาการด้านโบราณคดีชื่อดัง กล่าวว่า ทางเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาเป็น อนันตริยกรรม ของรัฐบาลและ กทม. เพราะเป็นการทำลายชีวิตคนสองฝั่งน้ำ ซึ่งเต็มไปด้วยชุมชน ประวัติศาสตร์ ความหลากหลายเรื่องชาติพันธุ์ ศาสนา ทั้งคาทอลิก พุทธ มุสลิม เรียงราย และอยู่มาเป็นเวลาพร้อมๆ กับการเกิดของกรุงเทพฯ และธนบุรี

“คุณทำลายพวกนี้แล้วเขาจะอยู่ไหน จะเอามาทำถนน มันไม่ใช่ คุณแซะจนกระทั่งชุมชนฉิบหายไปหมดแล้ว ป้อมใหญ่ๆ ป้อมมหากาฬ เป็นต้น ไม่เหลือ นี่คือผลงานของ กทม.คุณจะทำต่อไปหรือ ผมไม่ได้พูดถึงศิลปวัฒนธรรม พูดถึงชีวิตคน เขาอยู่มาเป็นเวลาหลายร้อยปี คุณจะทำให้เขากระจัดกระจายกันไป ไม่มีประเทศไหนเขาทำกัน ผมผ่านไปอินเดีย เขาปล่อยบ้านเมืองเก่าอยู่ตามอัธยาศัย อินเดียขยายที่ออกไป ชุมชนเก่าเขายังดำรงอยู่ ค่อยๆ พัฒนาตรงนั้น แต่เมืองไทยจะทำทุกอย่าง แม่น้ำเจ้าพระยามีใครจะไปแตะต้อง ทำตึกระฟ้าดิน ทำให้แม่น้ำเจ้าพระยาเหมือนอยู่ในหุบเขา น่าเกลียดที่สุด นี่หรือคือความคิดของผู้รับผิดชอบในการดูแลบ้านเมือง

“ที่ฉิบหายมากคือเรื่องการทำลายชีวิตเขา ไม่ใช่ศิลปวัฒนธรรมอย่างเดียว ต้องพลัดพราก เหมือนนานาชาติเขาว่า คุณจะเอาคนกรุงเทพฯออกไปทั้งหมด เอาคนใหม่เข้ามาแทนที่ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น จึงจำเป็นจะต้องหยุดยั้ง” ศ.ศรีศักรระบุ