ม็อบอิรักนองเลือด กระสุนจริงสาดใส่ตายเป็นใบไม้ร่วง

เมื่อวานนี้ (30 พฤศจิกายน 2562) เอพี รายงานสถานการณ์ประท้วงขับไล่รัฐบาลอิรักว่า ผู้ประท้วงรากหญ้ายังคงปักหลักชุมนุมต่อในกรุงแบกแดดและทั่วทางภาคใต้ แม้นายอเดล อับเดล มาห์ดี นายกรัฐบาลอิรัก ประกาศเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ว่า กำลังจะยื่นลาออกต่อรัฐสภา

เบื้องต้นที่กรุงแบกแดด มีผู้ประท้วงถูกเจ้าหน้าที่ยิงกระสุนจริงดับอีก 2 ราย  บาดเจ็บอย่างน้อย 26 คน ส่วนที่เมืองนาจาฟ มีผู้ถูกเจ้าหน้าที่ทหารใช้กระสุนจริงยิงเสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย บาดเจ็บอีก 15 คน

ผู้ประท้วงยืนยันว่าไม่เพียงพอ ต้องมีการยกเครื่องใหม่ทั้งระบบ ผู้ทุจริตทั้งหมดต้องลาออกจากตำแหน่งและต้องถูกดำเนินคดี ไม่เช่นนั้นการคอร์รัปชั่นและถูกอิทธิพลต่างชาติครอบงำก็จะเป็นปัญหาต่อไป การประท้วงมีขึ้นในพื้นที่ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่นับถือนิกายชีอะห์ รวมถึงเมืองนาสิริยาห์ คาร์บาลา อัดดิวานิยะห์

ที่เมืองนาสิริยาห์ บ้านเกิดของนายมาห์ดี ชาวบ้านจุดไฟเผายางล้อรถยนต์บนสะพาน 3 แห่งที่ข้ามแม่น้ำยูเฟรตีส ขณะที่หลายร้อยคนเคลื่อนไปยังจุดหมายเดียวกันยังค่ายผู้ประท้วงหลักในเมือง

การลุกฮืออย่างต่อเนื่องของชาวอิรัก เกิดขึ้นท่ามกลางการปราบปรามอย่างนองเลือดของเจ้าหน้าที่ความมั่นคง เฉพาะช่วง 2 วันที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตเกิน 40 ราย และนับตั้งแต่การประท้วงปะทุขึ้นต้นเดือนต.ค. มีผู้เสียชีวิตแล้ว 450 ราย บาดเจ็บราว 15,000 คน

เหตุการณ์ตึงเครียดหนักเป็นเหตุการณ์ที่ผู้ชุมนุมบุกและเผาสถานกงสุลอิหร่านในเมืองนาจาฟ กล่าวหาอิหร่าน ชาติเพื่อนบ้านสนับสนุนรัฐบาลอิรัก จนมีผู้เสียชีวิตกว่า 20 ราย ในจำนวนนี้มี 5 คนถูกยิงโดยตำรวจนอกเครื่องแบบ