เอกชนยังส่ายหน้า! เศรษฐกิจไทยถึงปีหน้าไร้ปัจจัยบวก อัดฉีดเงินเป็นแสนล้านก็ไม่กระตุ้น

เมื่อวานนี้ (30 พฤศจิกายน 2562) นายกลินทร์ สารสิน ประธานหอการค้าไทย เปิดเผยในการประชุมหอการค้าทั่วประเทศครั้งที่ 37 ที่ จ.ลำปาง ว่า เศรษฐกิจไทย มีความท้าทายจากหลายปัจจัย ทั้งเรื่องผลกระทบจากสงครามทางการค้า ปัญหาเงินบาทที่แข็งค่า และการกระจายรายได้ที่ไม่ทั่วถึง ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว แต่โอกาสทางเศรษฐกิจไทยยังมี เพราะไทยยังเป็นศูนย์กลางการลงทุนในอาเซียน ทำให้นักลงทุนสนใจมาลงทุน ด้านการค้า บริการและการท่องเที่ยว

ด้านนายวิศิษฏ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือ ระบุว่า เศรษฐกิจปีนี้ยังคงชะลอตัวต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า สาเหตุมาจากเงินบาททายังแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันบาทไทยแข็งค่ากว่าภูมิอภาคถึง 7% รวมถึงสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐที่ยังคงไม่มีความชัดเจน ซึ่งส่งผลกระทบกับไทยในบางอุตสาหกรรม เนื่องจาก 70% ไทยยังคงพึ่งพาการส่งออกมากจากการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ คาดว่าการส่งออกปีนี้จะติดลบ 1-1.5% ซึ่งจะฉุดให้เศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัวถึงปีหน้า โดยประเมินว่าขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณบวกใดๆ ที่จะส่งผลให้เศรษฐกิจปีหน้าขยายตัวได้ดี ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการจ้างงานในบางอุตสาหกรรมที่มีการลดคนงาน เพราะอุตสาหกรรมบางอย่างยังคงต้องพึ่งพาการส่งออกไทย

ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐโดยเฉพาะการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ เช่น อย่างมาจัดประชุมในจังหวัดเมืองรอง มองว่า ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในแง่ของจิตวิทยาและได้เพียงเล็กน้อย เพราะผู้บริโภคยังไม่มีกำลังซื้อ ทั้งนี้ ภาคเอกชนต้องการให้แก้ปัญหาค่าเงินบาทก่อนเพราะไทยยังต้องพึ่งพาการส่งออก

สอดคล้องกับ นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย และ ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ มหาวิทยาลับหอการค้าไทย กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกับหอการค้า 5 ภาค ในหัวข้อแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค ว่า ขณะนี้เศรษฐกิจทุกภูมิภาคอยู่ในภาวะชะลอตัว เนื่องจากสินค้าเกษตรตกต่ำ ปัญหาสงครามการค้าและเงินบาทที่แข็งค่าทำให้การส่งออกขยายตัวติดลบ โดยประเมินว่ามูลค่าทางการค้าจะหายไปกว่า 3 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ ยังได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง ผู้บริโภคมีการปรับพฤติกรรมซื้อขายสินค้าผ่านทางออนไลน์มากขึ้น ทำให้กำลังซื้อส่วนหนึ่งหายไปอยู่บนออนไลน์ ประมาณ 50,000 -1 แสนล้านบาท ขณะที่กำลังซื้อปกติก็ลดลง ดังนั้นแม้ว่ารัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาแล้วหลายรอบกว่า 1 แสนล้านบาท ก็ไม่สามารถกระตุ้นกำลังซื้อให้กลับมาได้

“ภาคเอกชนห่วงเงินบาทที่แข็งค่า 7% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ขณะที่ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลง 3% ส่งผลให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายน้อยลง การท่องเที่ยวชะลอตัวใช้จ่ายน้อยลง ทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้คาดว่า ขยายตัวต่ำกว่า 3% หรือขยายตัวที่ 2.5-2.6% ทั้งนี้ เห็นว่ารัฐบาลต้องหามาตรการเพื่อเร่งฟื้นเศรษฐกิจในหน้า ทั้งการเร่งผ่านงบประมาณเพื่อให้เม็ดเงินหมุนในระบบผ่านการลงทุน ดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรไม่ให้ต่ำกว่า 30 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ”

ขณะที่นายพีระรักษ์ พิชญกุล เลขาธิการหอการค้าจังหวัดลำปาง ระบุว่า การจัดงานครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นที่เมืองรอง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยคาดว่าตลอดระยะเวลาจัดงาน 3 วัน จะช่วยทำให้เกิดเงินสะพัดในจังหวัดประมาณ 50 ล้านบาท จากการซื้อสินค้าและบริการ