“เทพไท” จัดหนัก “สัญญาลูกผู้ชาย”ใช้กับวงการนักเลง -ทหาร-กองทัพ แต่วงการเมืองยึดถือสัญญาประชาคมเป็นหลัก ยันปชป.ทั้ง 6 มีสปิริต มีมารยาททางกรรเมือง โหวตญัตติเช็คบิล ม.44 ไม่ได้เข้าข้างใคร

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 นายทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงบรรยากาศการประชุมสภาฯ ที่มีองค์ประชุมไม่ครบ2วันติดต่อกัน ว่า เป็นเรื่องปกติของการประชุมสภาฯ ในอดีตที่ผ่านมาการประชุมสภาฯก็เคยล่ม ไม่ครบองค์ประชุมอยู่หลายครั้ง แต่ช่วงนี้อาจจะเป็นเพราะสภาฯล่ม2วันติดต่อกัน ประกอบกับรัฐบาลชุดนี้มีเสียงสนับสนุนปริ่มน้ำ จึงทำให้สังคมเกิดความวิตกกังวล ว่าสภาฯชุดนี้จะเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่โดยหลักการแล้วองค์ประชุมของสภาฯ เป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลที่ต้องรับผิดชอบ แต่ภาพลักษณ์ของสภาฯเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลร่วมกันด้วย ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ปัญหาให้การทำงานของสภาฯ เดินหน้าไปได้

นายเทพไท กล่าวต่อว่า อยากเสนอทั้ง2ฝ่ายต้องลดทิฐิ ถอยกันคนละก้าว เพื่อให้สภาฯ ได้ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง ฝ่ายรัฐบาลก็ควรถอนญัตติ เรื่องการนับคะแนนใหม่ ฝ่ายค้านก็ต้องให้ความร่วมมือ เข้าร่วมประชุมสภาฯเพื่อให้องค์ประชุมครบตามข้อบังคับ เมื่อมีการถอนญัตตินับคะแนนใหม่ออกไป ก็ใช้ผลการลงมติเดิม คือให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบของการใช้ มาตรา 44 ซึ่งเป็นเรื่องปกติในการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ

“ผู้นำรัฐบาลชุดนี้ไม่ต้องเกรงกลัว หรือวิตกกังวลใดๆทั้งสิ้น ที่ผ่านมาท่านอาจจะคุ้นชินกับการทำงานของสมาชิกสภานิติบัญญัติ (สนช.)ที่ไม่มีการตรวจสอบและถ่วงดุล แต่อยากให้เข้าใจว่าวันนี้เรามีสภาฯที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนแล้ว ต้องทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ท่านควรยอมรับกติกาทางการเมืองที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้

ถ้าหากผมได้มีโอกาสเป็นกรรมาธิการชุดนี้ ผมขอให้สัญญาว่าจะไม่เชิญท่านเข้ามาเกี่ยวข้องหรือชี้แจงใดๆทั้งสิ้น ผมจะยึดถือสัญญาลูกผู้ชายเหมือนกับที่ท่านได้กล่าวอ้างไว้ แต่สัญญาลูกผู้ชายส่วนใหญ่จะใช้ ในวงการนักเลง วงการทหาร หรือในกองทัพ ส่วนฝ่ายการเมือง จะยึดถือสัญญาประชาคมเป็นหลัก ยึดเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง”นายเทพไท กล่าว

นายเทพไท กล่าวต่อว่า การแสดงจุดยืนทางการเมืองของพวกตนทั้ง6คน ไม่ได้โหวตเข้าข้างฝ่ายค้าน เป็นการโหวตสนับสนุนญัตติของพวกเราเอง เราได้ยึดเอาความถูกต้องมากกว่าความถูกใจของใครบางคน

ขอยืนยันว่าพวกเรามีสปิริตและมารยาททางการเมืองเพียงพอ เพราะเป็น ส.ส.มาแล้วหลายสมัย รู้ดีว่าอะไรควรหรือไม่ควรทางการเมือง แต่เหนือสิ่งอื่นใดเราต้องยึดเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้งมากกว่าผลประโยชน์ของใครกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น