‘อนุสรณ์ ธรรมใจ’ เชื่อเศรษฐกิจไทย ไม่สาหัสขนาดปี 40 ชี้ ไม่มี ‘เผาจริง’ แต่คนตกงาน การลงทุนน้อยไป

ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตรองอธิการบดี และคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวช่วงหนึ่งใงาน เสวนา หัวข้อ “ประเทศไทย วิกฤต ความหวัง อนาคต?” จัดขึ้นที่ห้องประชุมหุตะสิงห์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ว่า เศรษฐกิจไทยไม่ได้เกิดวิกฤตสาหัสขนาดปี 2540 เพียงแต่ต้องดูข้อเท็จจริงว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่แค่ 1-2 ปี แต่คือระยะยาว ที่กระทบแน่ คือ สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ที่สอดแทรกด้วยการชุมนุมประท้วงที่ฮ่องกง ทั้งนี้ ถ้าโลกมีสันติประชาธรรมความขัดแย้งไม่เกิด เพราะผลประโยชน์ของทุนขนาดใหญ่ เป็นปัญหา เป็นผลสืบเนื่องจากโลกาภิวัฒน์ เมื่อ 30-40 ปีที่ผ่านมา คนแบบโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นมาเป็นผู้นำเกิดกระแสขวาจัดที่ยุโรป แต่ไม่ชนะเลือกตั้งเพราะยุโรปนิยมเสรีมากว่า
ส่วนในประเทศมีการผูกขาดอำนาจทางการเมือง และเศรฐกิจค่อนข้างมาก ปัญหาเฉพาะหน้าคือต้องแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ถ้าแก้ตรงนี้ไม่ได้ ก็จะแก้อย่างอื่นไม่ได้
“นิยามคำว่าเศรษฐกิจเผาจริงไม่มีในทางการ เผาจริง คือการตายแล้วเอาไปเผา แต่เศรษฐกิจไทยไม่ถึงขั้นนั้น ไม่เกิดวิกฤตเหมือนปี 2540 แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มีการลงทุนน้อยเกินไป คนตกงาน เศรษฐกิจจะเป็นแบบกบต้ม กล่าวคือค่อยๆ ทรุดลง แต่ไม่ถึงฟองสบู่แตก”
ผศ.ดร.อนุสรณ์กล่าวอีกว่า ทุกสังคมมีความขัดแย้ง แต่ต้องทำให้กระแสความคิดที่ยกแนวทางสันติประชาธรรมเป็นกระแสหลักให้ได้ ทำให้แนวคิดภราดรภาพนิยมของ อ.ปรีดีเป็นกระแสหลัก จะเลี่ยงความรุนแรงได้ ถ้าทำไม่ได้ประเทศจะพัฒนาสู่ระบอบอำนาจนิยมแบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมากสำหรับสังคมโดยรวม เพราะต้องมีคนไม่ยอมและต่อสู้กัน จึงต้องเดินหน้าไปตามแนวทางประชาธิปไตยสมบูรณ์ ของ อ.ปรีดี ไม่ใช่ แบบ กปปส.
“ส่วนปีหน้า 2563 จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจหรือไม่ ไม่สำคัญเท่าการสถาปนาระบบอบประชาธิปไตยที่เข้มแข็งให้ได้ เพื่อให้เมื่อยามเกิดวิกฤตจะสามารถรับมือได้”