เอ๋ ปารีณา ทิ้งโพเดียม หลังเจอสื่อถามปมร้อน ส.ป.ก. 1,700 ไร่

เอ๋ ปารีณา ชิ่งตอบปมร้อน ส.ป.ก. 1,700 ไร่

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เเถลงข่าวถึงกรณีขอหารือในสภาเพื่อให้สอบจริยธรรม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และประธานคณะ กมธ.ป.ป.ช.แต่ถูกนายชวนตัดบท ว่า ตนน้อยใจที่ถูกเลือกปฏิบัติ หลังแถลงข่าวประเด็นดังกล่าวจบ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีถือครองที่ดิน ส.ป.ก.1700 ไร่ ที่กำลังเป็นข่าว น.ส.ปารีณาไม่ตอบคำถามใดๆ โดยกล่าวเพียงขอบคุณ พร้อมยกมือไหว้สื่อและเดินออกไปจากโพเดียมเเถลงข่าวทันที

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่สำนักงานทรัพยากรป่าไม้จังหวัดราชบุรี เขตเทศบาลเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) ได้เดินทางมาขอพูดคุยกรณีที่ดินของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ครอบครองที่ดินกว่า 1,706 ไร่ ในพื้นที่ ม.6 ต.รางบัว อ.จอมบึง แต่เมื่อไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทราบว่าหัวหน้าป่าไม้จังหวัดติดราชการนอกพื้นที่ไม่อยู่สำนักงาน

จากนั้นเวลา 10.00 น. นายวีระได้นั่งรถตู้เดินทางไปที่ สภ.จอมบึง เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.กัมปนาท เจริญศรี รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.จอมบึง ให้ดำเนินคดีกับผู้บุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ และที่ดิน ส.ป.ก.ในพื้นที่ดังกล่าว โดยมีการนำเอกสารหลักฐานสำคัญต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาเป็นหลักฐาน เช่น เอกสารภาพถ่ายที่ดินทางอากาศ เอกสารข้อมูลของ ร.อ.ธรรมนัส ที่มีการกล่าวถึงคดีที่ดินดังกล่าว ซึ่งมีพื้นที่รวมกว่า 1,706 ไร่ รวมถึงข้อมูลจากผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่พูดถึงที่ดินดังกล่าวผ่านสื่อมวลชน มาแสดงเป็นหลักฐาน เพื่อยื่นให้กับพนักงานสอบสวน พร้อมกับลงชื่อกำกับไว้เป็นหลักฐานด้วย โดยมี พ.ต.ท.แมนสรวง กาญจนสะอาด รอง ผกก.สภ.จอมบึง ร่วมตรวจสอบเอกสารที่มีการนำมายื่นในการแจ้งความวันนี้ด้วย

ด้าน นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ให้ความเห็นถึงการติดตามกรณีที่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ แจ้งครอบครองที่ดิน ภ.บ.ท.5 จำนวน 1,706 ไร่ ต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ว่า สิ่งที่กรมป่าไม้ต้องเร่งดำเนินการ คือ ต้องแจ้งความดำเนินคดีในกรณีดังกล่าว โดยให้ไปประสานข้อมูลกับทาง ป.ป.ช. หรืออำเภอ ว่าใบ ภ.บ.ท.5 ที่ น.ส.ปารีณา แจ้งครอบครองนั้น ได้มาก่อนการประกาศ พ.ร.ฎ.กำหนดเขต ส.ป.ก.หรือไม่

โดยเท่าที่ทราบจากข่าว น.ส.ปารีณา แจ้งครอบครอง ภ.บ.ท.5 ต่อ ป.ป.ช. ประมาณ 170 รายการ ซึ่งหากครอบครองมาก่อนปี 2554 ที่มีการประกาศเขต ส.ป.ก. ก็เท่ากับเป็นการบุกรุกป่า มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 มาตรา 14 มีโทษ จำคุกตั้งแต่ 6-15 ปี และมีโทษสูงสุดถึง 15 ปี และผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 54, 55 มีโทษตั้งแต่ 2-15 ปี

ทั้งนี้ ในการแจ้งของกรมป่าไม้ก็ต้องแจ้งเป็นรายกระทง คือ 170 กว่ากระทง และขึ้นอยู่กับศาลจะพิจารณาโทษหนักหรือเบาตามดุลพินิจ คิดเป็นรายคดี คาดว่าโทษจำคุกก็ตั้งแต่ 300-2,000 ปี  อย่างไรก็ตาม ตอนนี้สังคมเข้าใจผิดว่าเป็นที่ดิน ส.ป.ก. แล้ว ไม่ต้องมีการดำเนินคดี การครอบครอง ภ.บ.ท.5 ดังกล่าวชัดเจน เนื่องจากมีการปลูกสิ่งก่อสร้างในพื้นที่ คือโรงเลี้ยงไก่ และ น.ส.ปารีณา เองก็ยอมรับเป็นของตัวเอง จึงไม่ต้องมีการนำชี้เหมือนกรณีอื่นๆ เพราะเรียกว่ามีตัวผู้ครอบครอง

อย่างไรก็ตาม วันนี้รัฐบาลจะไปอุ้มคนที่มีอาจจะมีปัญหาในเรื่องการบุกรุกพื้นที่ป่าไม่ได้ ถ้าไปอุ้มจะพังทั้งรัฐบาล ยืนยันว่าเรื่องการบุกรุกป่า ใครก็ช่วยใครไม่ได้ ซึ่งได้ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด