วันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน เปิดเผยถึงกรณีที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าจะไม่มีการเลื่อนโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำล็อตสองออกไป ทุกอย่างยังเป็นไปตามแผนการดำเนินงานของโครงการ ว่า

อยากจะซื้อก็ซื้อไปแต่ต้องมาขออนุมัติจากสภาฯ การใช้งบประมาณต้องมาผ่านความเป็นชอบจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นตัวแทนของประชาชนจะมาทุบโต๊ะสมัยเป็นรัฐบาลคสช.ไม่ได้แล้ว เพราะเงินทุกบาทคือภาษีของประชาชน

รัฐบาลจัดโชว์แสนยานุภาพ อาวุธยุทโธปกรณ์ ถามว่าประชาชนได้อะไร หรือ จะโชว์ว่าประเทศไทยรวยซื้ออาวุธได้มากมายอย่างนั้นหรือ ทั้งๆที่อาวุธเหล่านี้ไม่ค่อยได้มีโอกาสใช้เพราะสงครามก็ไม่เกิด เพื่อนบ้านเราก็สามัคคีกันดี แล้วทั้งเรือดำน้ำ รถถัง เครื่องบินรบ ปืนเป็น 1.000 กระบอก ไม่ทำให้ประชาชนอิ่มท้อง
รัฐบาลทั่วโลกเขารบกับความยากจน รบกับปัญหาสงครามทางเศรษฐกิจ ไม่เคยมีข่าวประเทศเพื่อนบ้านซื้ออาวุธสงครามมาโชว์มาอวดกันอย่างที่ประเทศไทยทำ เพราะผู้นำรัฐบาลเขาต้องการแก้ปัญหาให้กับประชาชนมากกว่าจะโชว์แสนยานุภาพ

นายสมคิด กล่าวด้วยว่า รัฐบาลที่มีทหารเป็นนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา ก็ไม่ทำอะไรที่ไม่เกรงใจประชาชนเหมือนรัฐบาลนี้ ดังนั้นผู้นำรัฐบาลจะทำอะไรเห็นหัวประชาชน เกรงใจประชาชนที่เป็นเจ้าของเงินบ้าง ที่ผ่านมาผู้นำรัฐบาลทั้งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และพลเอกประวิตร ช่วยกันโกหกประชาชน จำเป็นต้องซื้ออาวุธไว้ยามศึกสงคราม

“กรณีซื้อเรือดำน้ำก็เป็นหนึ่งในการโกหกประชาชนทั้งประเทศ ก่อนซื้อประกาศชัดเจนว่า เป็นการซื้อ 2 ลำแถมหนึ่งลำ เอาเข้าจริงซื้อทั้ง 3 ลำ นอกจากนี้เวลาซื้ออาวุธบอกเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน แต่รัฐบาลซื้อเรือดำน้ำวันนี้อีก 5 ปีรับสินค้าถึงวันนั้นเทคโนโลยีก็ล้าสมัยแล้ว จะเอาไปรบกับใคร ประเทศไทยเสียค่าให้เพื่อนบ้านเกรงใจเป็นแสนล้าน แล้วรัฐบาลเกรงใจประชาชนบ้างหรือไม่ ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจแทนที่จะคิดถึงประชาชนกับคิดถึงการซื้ออาวุธใหม่ๆ สงสารประชาชนที่มีรัฐบาลที่มองไม่เห็นความเดือดร้อนของประชาชน” นายสมคิด กล่าว