14.00 น. วันนี้! ศาลรธน.ชี้คดีหุ้นสื่อ ตัดสินส.ส. ‘ธนาธร’ เจ้าตัวลั่นพร้อมเข้าคุก-ไม่หนี

ศาล รธน.คุมเข้มวินิจฉัย ‘ธนาธร’ วันนี้ ผู้แทนอียู- มะกันขอเข้าฟังด้วย กกต.แจงยิบคดีถือหุ้นสื่อ ปัดเร่งรัด-ไร้มูลเหตุทางการเมือง เดินหน้าฟันปล่อยกู้ อนค. 191 ล้าน จี้ส่งเอกสารแจง

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลรัฐธรรมนูญว่า ก่อนที่คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะออกนั่งบัลลังก์เพื่ออ่านคำวินิจฉัยคำร้องที่ กกต.ร้องขอให้วินิจฉัยว่าสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) สิ้นสุดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) จากกรณีถือหุ้นสื่อบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ขณะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.หรือไม่ ในวันที่ 20 พฤศจิกายน ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการจัดเตรียมสถานที่ และวางมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย โดยกำหนดพื้นที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องให้ใช้ประตูด้านทิศใต้และทิศตะวันออก เป็นที่เข้าออก โดยไม่อนุญาตให้ใช้ประตูด้านทิศเหนือซึ่งเป็นด้านหน้าของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเข้าออก

ขณะเดียวกัน ได้มีการนำแผงเหล็กมากั้นแนวเขตของศาลรัฐธรรมนูญโดยแบ่งออกเป็นโซนสื่อมวลชนที่มีการติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิดถ่ายทอดจากห้องพิจารณาคดีลงมายังบริเวณชั้นล่าง และห้องสื่อมวลชนได้รับฟัง ส่วนอีกโซนหนึ่งเป็นจุดแรกบัตรและตรวจค้นอาวุธ ซึ่งจะอยู่บริเวณบันไดทางขึ้นห้องพิจารณาคดี โดยที่จุดนี้ตัวแทนผู้ฟ้องคดีและผู้ถูกฟ้องคดี จะต้องแลกบัตรและตรวจอาวุธ รวมทั้งฝากสิ่งของ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ นาฬิกาอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ยิงสดห้องโถง-‘อียู’ ขอร่วมฟัง สำหรับประชาชนที่จะมาให้กำลังใจหรือติดตามรับฟังการอ่านคำวินิจฉัยคดี เจ้าหน้าที่ได้จัดพื้นที่บริเวณโถงกลางของอาคารเอ พร้อมติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิด ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ของบริษัทพัฒนาสินทรัพย์

อย่างไรก็ตาม ทั้งสามจุด จะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบจาก สน.ทุ่งสองห้อง และกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 คอยดูแลในเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากเป็นคดีการเมืองที่ได้รับความสนใจ ประกอบกับมีรายงานว่าจะมีกลุ่มมวลชนที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่เดินทางมาให้กำลังใจนายธนาธร รวมทั้งจะมีบรรดาตัวแทนของสถานทูตมารับฟังคำวินิจฉัยด้วย โดยล่าสุดตัวแทนสหภาพยุโรป (อียู) ประจำประเทศไทยได้ทำหนังสืออย่างเป็นทางการที่จะส่งนายโคลิน สไตน์บัค เข้าร่วมรับฟัง ขณะที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ก็ได้มีการแจ้งทางโทรศัพท์ว่าจะส่งผู้แทนเข้าร่วมรับฟังด้วยแต่ไม่ได้ส่งหนังสือมาเป็นทางการ เริ่มอ่านคำวินิจฉัย 14.00 น.

นอกจากนี้ ตำรวจจากกองบังคับการนครบาล 2 ยังได้มาร่วมประชุมกับเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องถึงแผนรักษาความปลอดภัย พร้อมตรวจดูการจัดวางกำลังและจุดต่างๆ ของสำนักงานฯ โดยมีรายงานว่าจะใช้แผนรักษาความปลอดภัย เหมือนที่ใช้ในการอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคไทยรักษาชาติ ทั้งนี้ การจัดกำลังตำรวจเบื้องต้นใช้ 1 กองร้อย แต่ก็จะมีการปรับตามจำนวนของกลุ่มผู้สนับสนุนที่จะเดินทางมา ซึ่งจะเข้าประจำตามจุดต่างๆ โดยรอบอาคารเอ และเส้นทางที่จะเข้าสู่ศูนย์ราชการโดยรอบตั้งแต่ช่วงเช้า

ทั้งนี้คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้นัดประชุมในเวลา 10.00 น. เพื่อแถลงคดีด้วยวาจาและลงมติ ก่อนที่จะมีการอ่านคำวินิจฉัยในเวลา 14.00 น. และเพื่อไม่ให้ผลการวินิจฉัยรั่วไหลก่อนที่จะมีการออกนั่งบัลลังก์ ทางศาลจะมีการตัดสัญญาณโทรศัพท์เป็นช่วงๆ พร้อมให้ตุลาการอยู่ภายในห้องประชุมจนกว่าจะจัดทำคำวินิจฉัยเสร็จสิ้นและออกนั่งบัลลังก์ มีรายงานว่านายธนาธรและแกนนำพรรค อนค.จะเดินทางมารับฟังคำวินิจฉัยด้วยตนเองในเวลา 13.30 น. กกต.แจงยิบส่งคำวินิจฉัยส.ส. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กกต.ออกเอกสารชี้แจงกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวตามสื่อว่า นายธนาธรได้มอบหมายให้ทนายความไปยื่นฟ้อง กกต. 7 คน ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหาความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามที่นายธนาธรถูกกล่าวหาว่าถือครองหุ้นสื่อของบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด

โดยที่ กกต.ไม่รอให้การไต่สวนเรียกพยานเข้าสอบปากคำของคณะอนุกรรมการ กลับรวบรัดรีบส่งคดีไปยังศาลรัฐธรรมนูญก่อนที่การไต่สวนของคณะอนุกรรมการจะเสร็จสิ้น เป็นเหตุให้ชวนสงสัยได้ว่า กกต.เร่งรัดคดี โดยมีเหตุจูงใจทางการเมืองหรือไม่ และเพื่อให้เกิดความชัดเจน ขอชี้แจงและให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงว่า การดำเนินการเป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสี่ เรื่องการพ้นจากสมาชิกภาพ ของสมาชิกรัฐสภาที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญเป็นการเฉพาะ ไม่ได้บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบ (พ.ร.ป.) รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่นใด และไม่ได้อยู่ในนิยามของกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด 2561

ดังนั้น การดำเนินการจึงไม่อยู่ภายใต้บังคับของระเบียบ กกต.ดังกล่าวข้างต้น เมื่อ กกต.เห็นว่าสมาชิกภาพของ ส.ส.คนใดคนหนึ่งมีเหตุสิ้นสุดลง ก็สามารถยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ทันที ทั้งนี้ กรณีนายธนาธรเป็นกรณีความปรากฏต่อ กกต. ว่าสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ.5) มีชื่อนายธนาธรเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. อันเป็นเหตุให้สมาชิกภาพของ ส.ส. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) กกต.จึงได้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ยันทำหน้าที่ยึดกม.ปัดเร่งรัด ส่วนการดำเนินการกรณีคดีอาญา เป็นการดำเนินการตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 151 ที่ระบุว่า ผู้ใดรู้อยู่ว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ

ซึ่งมีกระบวนการไต่สวน ตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด โดยคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนต้องแสวงหา และรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเสนอสำนวนต่อ กกต. เพื่อพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาด ในการนี้ต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาทราบข้อกล่าวหา ข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานโดยสรุป รวมทั้งให้โอกาสมาให้ถ้อยคำหรือแสดงพยานหลักฐานด้วย โดยนายธนาธรมีผู้กล่าวหาว่าฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 151 ประกอบรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) รู้อยู่ว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.

ซึ่ง กกต.ได้ดำเนินการตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด ขณะนี้เป็นสำนวนอยู่ในขั้นตอน การดำเนินการของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน กกต. ยังมิได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม การดำเนินการของ กกต. กรณีส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพของ ส.ส. สิ้นสุดลงหรือกรณีการดำเนินคดีอาญาที่มีผู้ร้องว่ารู้อยู่ว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ได้สมัครรับเลือกตั้ง กกต.ได้ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด และข้อเท็จจริงแล้วแต่กรณี โดยมิได้มีการเร่งรัดหรือมีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองแต่อย่างใด ให้ส่งเอกสารแจงปล่อยกู้อนค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กกต.ได้ประชุมพิจารณาสำนวนการสืบสวน กรณีมีผู้กล่าวหาว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนค.ได้ให้พรรค อนค.ใหม่กู้ยืมเงินของตนเอง ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ตามมาตรา 66 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง โดยได้บริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมืองมีมูลค่าเกินกว่า 10 ล้านบาท ต่อพรรคการเมืองต่อปี

โดยคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของสำนักงาน กกต. และคณะอนุกรรมการวินิจฉัยคำร้องและปัญหาหรือข้อโต้แย้ง ได้ดำเนินการเป็นไปตามกระบวนการ และขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดทุกประการแล้ว มติของ กกต.พิจารณาแล้ว เห็นว่า เพื่อให้การพิจารณาในเรื่องดังกล่าวข้างต้น ปรากฏข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ ชัดเจนและเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้พรรคอนาคตใหม่ส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาประกอบการพิจารณาเพิ่มเติม อันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายต่อไป โดยเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องเป็นเอกสารที่คณะอนุกรรมการวินิจฉัยคำร้องและปัญหา หรือข้อโต้แย้งได้เคยเรียกเอกสารดังกล่าวแล้ว แต่พรรคอนาคตใหม่ไม่ได้จัดส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ให้แก่คณะอนุกรรมการวินิจฉัยคำร้องและปัญหาหรือข้อโต้แย้งแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงที่นายธนาธรแจ้งทรัพย์สินรวมคู่สมรสต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จำนวน 5,632,536,266 บาท เป็นหนี้สิน 683,303 บาท รายได้รวม 188,606,720 รายจ่าย 66 ล้านบาท ในจำนวนทรัพย์สินดังกล่าว นายธนาธรระบุเป็นเงินที่ได้ปล่อยกู้ให้พรรค อนค. รวมกว่า 191 ล้านบาท เพื่อให้พรรค อนค.ดำเนินกิจการพรรค ‘บิ๊กตู่’ไม่ขอเกี่ยวข้องคดี’ธนาธร’ ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะพิจารณาตัดสินคดีของนายธนาธรในวันที่ 20 พฤศจิกายน ว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย เพราะไม่ได้เป็นคนไปฟ้องต่อศาล และจะไปบังคับศาลรัฐธรรมนูญให้ตัดสินอย่างไรก็คงไม่ได้ เป็นเรื่องของกระบวนการศาล โดยตนคงไม่ไปก้าวล่วง

ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงประเด็นการเมืองอื่นๆ อาทิ การแต่งตั้งนายวัฒนา เมืองสุข เข้าไปเป็นที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งโควต้าสัดส่วนของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใน กมธ.วิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ขอตอบ เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามขั้นตอน ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นก็เป็นเรื่องการแก้ไข มีการตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาฯ ตนไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง ‘ธนาธร’พร้อมเข้าคุก-ไม่หนี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนค. ให้สัมภาษณ์ว่า เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนฦูญจะให้ความเป็นธรรมมั่นใจว่าจะรอด เพราะดูจากคำร้อง กกต.ไม่มีข้อไหนระบุว่าการทำธุรกรรมไม่ได้เสร็จสมบูรณ์ในวันที่ 8 มกราคม จนถึงวันที่คนพูดว่าทำผิด อย่างไรก็ตาม หากผลตัดสินออกมาเป็นลบก็ยอมรับคำตัดสิน ส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ทั้งนี้ หากต้องถูกจำคุกก็จับตนได้เลยเพราะตั้งพรรค อนค.ขึ้นมาก็รู้ว่าจุดจบเป็นอย่างไร ‘บิ๊กป้อม’ไม่ต้องสั่งเพิ่มรปภ. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยและสถานการณ์การเมืองกรณีการนัดฟังคำพิพากษา เรื่องการถือหุ้นสื่อของนายธนาธร ว่า ไม่มีอะไร เป็นเรื่องของศาล ศาลก็ดำเนินไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ต้องกำชับหรือดูแลอะไรเป็นพิเศษ เป็นเรื่องธรรมดา ฝ่ายความมั่นคงก็ไม่ได้รายงานอะไร ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุมีการแทรกแซงเลือกตั้งซ่อมเขต 7 ขอนแก่นนั้น ไม่มีหรอก ส่วนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะส่งคนเก่านั่นแหละ ก็คัดเลือกตามคะแนนปกติ เพราะครั้งที่ผ่านมาแพ้ไปเพียง 3,000 กว่าคะแนน คงไม่ต้องมีการปรับยุทธศาสตร์ใดๆ