‘ธนาธร’ แถลงปิดคดีถือหุ้นวี-ลัค ย้ำไม่ใช่หุ้นสื่อ ย้ำคดีนี้ไม่เกี่ยวกับการยุบพรรค เพราะเป็นเรื่องของผมคนเดียว

เมื่อเวลา 10.25 น. วันที่ 15 พ.ย. ที่พรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่(อนค.) เปิดแถลงข่าวเพื่ออ่านคำแถลงปิดคดีความเป็นส.ส.สิ้นสุดลงหรือไม่ จากกรณีการถือหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งเป็นเอกสารที่ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาดในวันที่ 20 พ.ย.นี้ โดยสาระสำคัญมีด้วยกัน 4 ประเด็น ดังนี้

1.บริษัทวี-ลัคมีเดีย เป็นสื่อหรือไม่ การถือหุ้นที่เป็นประเด็นขึ้นมาเริ่มต้นที่จ.สกลนคร ภายหลังกกต.ส่งเรื่องไปศาลฎีกา ให้วินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นผู้สมัครส.ส.สกลกนครของพรรค โดยคดีนั้นศาลฎีกาพิจารณาที่หนังสือบริคณห์สนธิเป็นหลักว่ากิจการใดเป็นกิจการสื่อมวลชน ถ้ามีวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับกิจการสื่อถือว่าผิด ตัดสิทธิทันที แต่ในคดีอื่นทำนองเดียวกัน เช่น คดีการถือหุ้นของส.ส. ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเห็นต่างจากศาลฎีกาโดยศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาถึงงบการเงินด้วย

สำหรับบริษัทวี-ลัค ได้ผลิตนิตยสาร WHO ฉบับสุดท้ายเดือนต.ค.2559 โดยเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทวี-ลัค ส่วนหนังสือจิ๊บๆ บริษัทวี-ลัคเป็นแค่ผู้ผลิต ผู้เป็นเจ้าของหนังสือคือสายการบินนกแอร์ ส่วนหนังสือ Wealth บริษัทวี-ลัคเป็นผู้ผลิต แต่ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นเจ้าของ และปิดกิจการตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. 2561 และยุติการดำเนินการและไม่มีพนักงาน และบริษัทไม่มีรายได้ตั้งแต่ 26 พ.ย.2561 ดังนั้น วี-ลัคยุติกิจการไปแล้วและไม่มีผลิตภัณฑ์แล้ว เช่นนี้จะเป็นสื่อได้อย่างไร เป็นบริษัทที่ไม่มีการปฏิบัติการใดๆ แต่เป็นบริษัทที่รอการชำระบัญชีเท่านั้น

2.ตนยังเป็นผู้ถือหุ้นหรือไม่ ในคำร้องของกกต.ระบุว่าตนยังเป็นผู้ถือหุ้น 21 มี.ค.2562 โดยอ้างอิงเอกสารสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น หรือแบบบอจ.5 ที่บริษัทแจ้งไว้กับกระทรวงพาณิชย์ แต่การจะดูว่าการเปลี่ยนแปลงหุ้นสำเร็จหรือไม่ ต้องพิจารณาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1129 และ 1141 ดังนั้น ถ้าไม่มีหลักฐานเป็นอื่นหรือมีน้ำหนักพอ ต้องถือว่าธุรกรรมโอนหุ้นสำเร็จตั้งแต่วันที่มีการทำธุรกรรมไปแล้ว คือวันที่ 8 ม.ค.2562

3.การถือหุ้นผิดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญหรือไม่ รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 98 (3) เริ่มมีตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2550 โดยรายงานการพิจารณาของสภาร่างรัฐธรรมนูญในเวลานั้น มีการอภิปรายว่ามาตรานี้มีขึ้น เพราะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้เข้าแทรกแซงสื่อทางตรงและอ้อม และการไปเป็นเจ้าของสื่อทำให้กลไกตรวจสอบพิการ ที่สำคัญไปกระทบเสรีภาพของประชาชน

“นิตยสารทั้ง 3 เล่มนี้ตั้งแต่เกิดจนวันที่มันตาย มันไม่เคยให้คุณกับผม และไม่เคยโทษกับนักการเมืองคู่แข่งของผม” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร กล่าวว่า วันที่นิตยสารปิดตัวลงและไม่มีรายได้แล้ว เกิดขึ้นก่อนจะมีใครรู้ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อใด โดยพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง พ.ศ. 2562 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2562 แต่บริษัทปิดไปก่อนหน้านี้แล้ว เราไม่มีเจตนาจะคงบริษัทอยู่ เราปิดก่อนจะมีพ.ร.ฎ.เลือกตั้งด้วยซ้ำ

4.กระบวนการพิจารณาคดีเป็นธรรมหรือไม่ คณะกรรมการสืบสวนของกกต.ดำเนินการและเรียกพยานมาในวันที่ 22 พ.ค. 2562 แต่ปรากฎว่ากกต.ชุดใหญ่ ส่งฟ้องศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 16 พ.ค.2562 ทั้งที่คณะกรรมการสอบสวนยังพิจารณาไม่เสร็จสิ้น กระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญเป็นศาลชั้นเดียว แค่เรื่องนี้ก็มีน้ำหนักพอให้ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องแล้ว

“จากทั้ง 4 ข้อ ถ้าถามผมว่าผมผิดอะไร คำตอบคือ มันไม่ใช่เรื่องหุ้นสื่อ แต่ความผิดของผม คือการต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคสช. ผมฝันเห็นว่าทุกคนเท่าเทียมกันมีนิติรัฐนิติธรรม เราฝันเห็นประเทศไทยที่มีความก้าวหน้า และประเทศไทยที่ไม่มีรัฐประหาร ความฝันเช่นนี้มันเป็นผิดบาปมากเหรอครับ ในประเทศนี้ เพื่อให้ได้ความฝันนี้ เราจึงตั้งพรรคขึ้นมาเพื่อต่อสู้ เรียกร้องความฝันของเราตามระบบ รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งตามกฎหมาย ฝันอะไรก็บอกประชาชนอย่างนั้น เมื่อเสร็จเลือกตั้งและผลเลือกตั้งออกมา เราก็ทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เราสู้ในสภาอย่างภาคภูมิใจ เพื่อให้ประชาชนเห็นถึงความตั้งใจของพรรคในการต่อสู้ในสภา เราต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็รณรงค์อย่างสันติ การตั้งพรรคเพื่อสร้างความฝันของเราให้เป็นจริง มันเป็นความผิดบาปมากขนาดนั้นเลยเหรอในประเทศนี้” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร กล่าวว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีอายุเกิน 70 ปี หลายคนผ่านเหตุการณ์รัฐประหารมาแล้วหลายครั้ง ตนเกิดปี 2521 ผ่านเหตุการณ์รัฐประหาร 4 ครั้ง เราจะอยู่ในสังคมอย่างนี้ต่อไปหรือ ตอนนี้เป็นเวลาที่ควรทบทวนประวัติศาสตร์ว่าเกิดอะไรมาบ้างในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา บุคคลต่างๆ มีส่วนทำให้สังคมเดินมาถึงจุดนี้ ถึงเวลาที่เราต้องส่งเสียงกันและพาสังคมออกจากจุดนี้ วันนี้สังคมมีความแตกต่างทางความคิด 2 ส่วน ระหว่างการพาประเทศเดินหน้าไปด้วยประชาธิปไตย กับ การพาประเทศเดินหน้าไปด้วยระบบอำนาจนิยม คนที่จะตัดสินได้ดีที่สุดควรเป็นประชาชนผู้ทรงสิทธิและเสรีภาพในการเลือกอนาคตของประเทศไทยด้วยตัวเอง

“ผลการตัดสินในวันที่ 20 พ.ย.จะออกมาอย่างไร ผมพร้อมยอมรับ และไม่มีแผนสำรองใดๆ การลงเล่นการเมืองของผมถือว่าไม่มีจุดที่จะกลับตัวแล้ว ที่ผ่านมาผมยอมเล่นตามกติกามาตลอด ทั้งรณรงค์หาเสียง การเลือกตั้ง หากจะแพ้ก็ขอแพ้ตามกติกา และคดีนี้ไม่เกี่ยวกับการยุบพรรค เพราะเป็นเรื่องของผมคนเดียว ส่วนคนที่กำลังโยงไปสู่การยุบพรรค หมายความว่าไม่เข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน” นายธนาธร กล่าว