“อนุทิน” เผยรักษาบำบัดด้วย “สารกัญชา” ผลน่าพอใจ ล่าสุดยื่นสภาฯหนุนกม.ปลูก6ต้นที่บ้าน

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงนโยบายกัญชาว่า มีความสำคัญกับพรรคภูมิใจไทยมาก และต้องทำให้เห็นเป็นรูปธรรมมากที่สุด และไม่เคยลืมเป้าหมายคือ ให้ประชาชนปลูก เพื่อรักษาตัวเองเป็นหลัก แต่การใช้ต้องเป็นไปอย่างถูกวิธี ดังนั้น สธ.ต้องเข้ามาดูแลจัดการ

นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) สามารถปลูกและผลิตสารสกัดจากกัญชาได้แล้ว กระจายไปตามโรงพยาบาลของ สธ. พร้อมกับเปิดอบรมแพทย์ ให้สามารถจ่ายน้ำมันกัญชาอย่างถูกต้อง สำหรับการแพทย์แผนไทย หมอพื้นบ้านจำนวนมากได้ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง เช่นเดียวกับสูตรยา ซึ่งมีกัญชาเป็นส่วนผสม อาทิ สูตร อ.เดชา ก็ได้ขึ้นทะเบียนแล้วเช่นกัน เพราะ สธ.ต้องการให้ทั้งหมอแผนปัจจุบัน และหมอแผนไทยได้ใช้กัญชาในการรักษาโรค และพยายามนำกัญชาขึ้นมาบนดิน

“บางคนอาจจะมองว่านโยบายกัญชา ยังไม่รวดเร็วทันใจ แต่ขอให้เข้าใจว่าการนำกัญชาขึ้นมาบนดินเป็นเรื่องที่ใหม่มาก ถ้าทำอย่างเร่งร้อน เกรงจะเกิดผลเสียอย่างใหญ่หลวง ยกตัวอย่างว่า หากมีการจำหน่ายสารสกัดจากกัญชาแล้วประชาชนไปซื้อ นำไปใช้ต่างประเทศ ปรากฎว่าถูกจับ เพราะทางนั้นมองว่าเป็นสารเสพติด อาจจะต้องโทษถึงขั้นประหารชีวิต ผมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะฉะนั้น ทุกอย่างต้องทำอย่างรอบคอบ ต้องใช้ทั้งเวลาและความพยายามในการเดินหน้านโยบายนี้” นายอนุทิน กล่าวและว่า ไม่อยากให้เรียกกัญชาว่ากัญชา แต่อยากให้เรียกเป็นสารทีเอชซี, สารซีบีดี ซึ่งเป็นสารสำคัญในพืชชนิดนี้ เพื่อลบภาพยาเสพติดออกไป

นายอนุทิน กล่าวว่า โดยสรุป สธ.ผลักดันการใช้กัญชาทางการแพทย์ และเริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรม ในอนาคต หากสารสกัดซีบีดี, สารทีเอชซี ได้รับการยอมรับ เรื่องของกัญชาจะเปิดกว้างยิ่งขึ้น เหตุที่ต้องใช้หมอเดินหน้านโยบายเกี่ยวกับกัญชา เพราะหมอมีความน่าเชื่อถืออย่างยิ่งในสังคม

“แต่ไม่ได้บังคับให้ใครมาเดินหน้า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ถ้าคิดว่าไม่ใช่ ก็ไม่ต้องทำ แต่เพราะทาง สธ.เห็นความสำคัญของกัญชา ในฐานะทางเลือกหนึ่งในการรักษาโรค นโยบายจึงเดินต่อ อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าบางส่วนของนโยบายกัญชา อาทิ กัญชา 6 ต้น มีความยาก เกี่ยวพันกับความเชื่อ และหลายหน่วยงาน การจะทำให้สำเร็จต้องอาศัยช่องทางรัฐสภา เพื่อแก้กฎหมาย ซึ่งพรรคภูมิใจไทยได้ยื่นกฎหมายเข้าสู่สภาแล้ว” นายอนุทิน กล่าวและว่า ในการยื่นกฎหมายมิใช่มีเพียงเอกสาร แต่กำลังรอข้อมูลสนับสนุนเรื่องคุณประโยชน์ของกัญชา ที่เก็บรวบรวมจากการใช้กัญชาทางการแพทย์กับผู้ป่วยในความรับผิดชอบของ สธ. ซึ่งเท่าที่ศึกษารายงานผลการใช้ พบผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ ทั้งนี้ การใช้กัญชาทางการแพทย์ ที่ดำเนินการโดย สธ. เป็นเรื่องที่ทำได้โดยอำนาจของรัฐมนตรีว่าการ สธ. ดังนั้น จึงเห็นความคืบหน้าชัดเจนกว่าเรื่องอื่นที่ต้องอาศัยการแก้กฎหมายในสภา

“เรื่องกัญชาเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานมาก แต่ในฐานะของรัฐมนตรีว่าการ สธ. คิดอยู่เสมอว่า ต้องทำนโยบายนี้ให้เกิดความเป็นรูปธรรมสูงสุด และถ้าพูดเรื่องแก้กฎหมายในสภา ย่อมต้องใช้เวลา แต่บางเรื่องถ้าต้องผ่านทางนั้นก็ต้องทำ อาทิ เรื่อง 6 ต้น แต่เรื่องไหน มันไปทางอื่นได้ ก็ไปทางนั้น เช่น เรื่องกัญชาทางการแพทย์ ผมเอาเอกสารของกระทรวงฯ มากาง แล้วดูว่าผมจะทำอะไรได้บ้าง ผมมีอำนาจอะไรบ้าง และผมทำตามอำนาจที่มี อาศัยว่ากล้าเซ็น กล้ารับ ก็เห็นความคืบหน้า นโยบายกัญชามีความสำคัญมาก เราต้องใช้ทุกช่องทางที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อขับเคลื่อนนโยบายนี้” นายอนุทิน กล่าว