‘เรืองไกร’ งัดหลักฐาน ‘ปารีณา’ ครองที่สปก.-ป่าสงวนฯ ยังกล้าแจ้งทรัพย์สิน ตกไร่ละ 117 บาท

“เรืองไกร” เดินหน้าชี้ช่องสอบ “ปารีณา” ปมที่ดิน 1,700 ไร่ ลั่นเตรียมกางข้อมูล ทำงานคู่ขนานกับ ป.ป.ช.

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 แถลงว่า หลังจากที่ตนยื่นเรื่องของให้คณะกรรมาธิการป้องกันปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฏร ตรวจสอบ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กรณีครอบครองที่ดินถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ โดยประเด็นที่น่าสนใจคือการยื่นบัญชีทรัพย์สินของ น.ส.ปารีณาว่าครอบครองที่ดินลำดับที่ 19-76 รวม 58 แปลง แสดงมูลค่าโดยรวม 2 แสนบาท คำนวณตกไร่ละ 117 บาท หรือตารางวาละ 29 สตางค์

ซึ่ง น.ส.ปารีณาอธิบายว่าที่ดินทั้งหมดเป็น ภบท.5 โดยระบุหมายเลขแต่ละแปลงแตกต่างกันไป เช่นลำดับที่ 19 หมายเลข7/49 และลำดับที่ 20 หมายเลข 7/49 ซึ่ง น.ส.ปารีณาได้ลงหมายเลขพื้นที่แต่ละแปลงไว้เหมือนกันหมด รวมที่ทั้งหมด 1,706 ไร่ 1 งาน 50 ตารางวา นอกจากนี้สิ่งที่น่าสนใจคือตำแหน่งที่ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เหมือนกันหมด เหตุที่ตนเพิ่งจะมาร้องในตอนหลังนั้นเพราะชาวบ้าน จ.ราชบุรี ไปร้องขอคืนที่ดิน ที่ ต.รางบัว กรณีของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ประมาณ 500 ไร่ ในวันนั้น น.ส.ปารีณาพาเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไปด้วย ในกรณีนางสมพรก็ต้องว่าไปตามกฎหมายเพราะไม่ใช่นักการเมือง

จากนั้นตนก็จำได้ว่าเอกสารของ น.ส.ปารีณาที่ตนเก็บไว้ก็อยู่ในพื้นที่ตำบลดังกล่าวเช่นกัน จึงสงสัยว่าเหตุใด น.ส.ปารีณาจึงนำที่ดินดังกล่าวไปแจ้งแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.ได้ จึงได้ใช้สิทธิตามมาตรา 106 ของ พ.ร.บ.ป.ป.ช. ขอให้มีการตรวจสอบ เมื่อยื่นก็ได้ทราบว่าเป็นที่ดิน ส.ป.ก. ซึ่งนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ลงพื้นที่ จ.ราชบุรี และกาญจนบุรี ก็สั่งให้เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้เข้าไปตรวจสอบว่าเข้าไปครอบครองได้อย่างไร

ต่อมา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ลงมาตรวจสอบว่าเป็นที่ ส.ป.ก.หรือไม่ นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า เมื่อ น.ส.ปารีณา ยืนยันเองว่าได้ครอบครองพื้นที่นี้มานับสิบปี ผมจึงตามต่อว่าการครอบครองที่ดินเหล่านี้ได้มาชอบหรือไม่ ถ้าไม่ชอบจะเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายใดหรือไม่ หรือต้องคืนพื้นที่ให้หลวงหรือไม่ กรณีการคืนที่ให้หลวงก็ต้องกลับมาย้อนดู ก่อนหน้านี้มีการเรียกคืนที่ดินในเขตปฏิรูป โดยคำสั่ง คสช. 36/2559 การเอาที่คินเป็นส่วนหนึ่ง แต่กรณีที่ของป่าไม้ถ้าทำผิดก็อาจจะต้องไปร้องทุกข์กล่าวโทษ ก็เป็นเรื่องของร.อ.ธรรมนัสต้องไปดูแล นายเรืองไกร ได้แสดงแผนที่ประกอบพร้อม กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (12 พฤศจิกายน) นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ส่งเอกสารมาให้ว่า ที่ดินดังกล่าวมีการแบ่งพื้นที่อย่างไร เบื้องต้นเป็นแผนที่ในเส้นสีแดง ซึ่งเป็นพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายเป็นแม่น้ำพาชี เส้นสีน้ำเงินจะเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ส่วนพื้นที่สีเขียวคือฟาร์มเลี้ยงไก่ ในฐานะที่ตนเป็นกรรมาธิการงบประมาณ จึงขอแผนที่อย่างเป็นทางการจากกรมป่าไม้และ ส.ป.ก.

ซึ่งจากการพิจารณาสรุปได้ว่าการถือครองที่ดินภบท.5 ของ น.ส.ปารีณา จากแหล่งข่าว ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่แจ้งว่าที่ดินบางส่วนเป็นที่ตั้งของฟาร์มเลี้ยงไก่ชื่อ “เขาสนฟาร์ม” เมื่อตรวจสอบจากกูเกิลแม็ปพบอาคารเลี้ยงไก่ 8 หลัง เมื่อสอบประเภทที่ดินพบว่าอาคารเลี้ยงไก่ 7 หลังอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2554 และ 1 หลังอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำพาชี พ.ศ. 2527 เมื่อตรวจสอบที่ตั้งอาคารเลี้ยงไก่และบริเวณใกล้เคียงไม่มีแปลงรังวัดสิทธิทำกิน (สทก.) และแปลงกรมป่าไม้อนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และไม่มีการสำรวจถือครองตามมติ ครม.30 มิถุนายน 2541 เมื่อตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศปี 2545 พบอาคารเลี้ยงไก่เพียง 2 หลัง  “มีหลายคนสอบถามว่าที่ดิน ภบท.5 ถูกยกเลิกไปแล้วหรือยัง ตนยกตัวอย่างประกาศของ อบต.ยางหักที่อธิบายความว่าปัจจุบันจะไม่มีการออก ภบท.5 แต่อย่างใดสำหรับคนที่ไม่มีเอกสารสิทธิครอบครองให้อีกแล้ว

ดังนั้นประเด็นเหล่านี้ตนจึงอยากฝากไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะที่เป็นหัวหน้ารัฐบาลจะเพิกเฉยละเลยไม่ได้ และฝากไปถึงนายวราวุธ และร.อ.ธรรมนัสต้องปฏิบัติหน้าที่ตามข้อมูลที่ผมให้โดยเปิดเผย ขณะนี้กรมป่าไม้กำลังรวบรวมเอกสารและในวันนี้จะเข้าการพิจารณาของ ส.ป.ก. หลังจากกรมวิชาการการเกษตรพิจารณา จากนั้นอยากจะให้ส่งเอกสารข้อมูลมาที่คณะกรรมาธิการที่ดิน เพราะว่าพื้นที่ของหลวงเป็นส่วนหนึ่งของเงินแผ่นดิน ส่วนการตรวจสอบหลักฐานการเสียภาษีก็ตรวจสอบได้ไม่ยากและจะนำข้อมูลทั้งหมดมาประมวลทำงานคู่ขนานกับ ป.ป.ช.” นายเรืองไกรกล่าว