‘สุทิน’ เสนอแก้วาระเพื่อทราบเยอะ ชงประธานสภาแยกวัน-เพิ่มวันประชุม ระบายญัตติ

‘สุทิน’ เผย เตรียมเสนอประธานสภาแยกวัน-เพิ่มวันประชุม ระบายญัตติ คาดสิ้นเดือนยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรค พท. และนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ในฐานะประธานวิปพรรคร่วมฝ่ายค้าน แถลงภายหลังการประชุมวิปพรรคร่วมฝ่ายค้าน

โดยนายสุทินกล่าวว่า ที่ประชุมห่วงเรื่องวาระการประชุมที่ล่าช้าและวาระรับทราบที่เยอะมาก การบริหารวาระไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อญัตติอื่นๆ ที่ไม่ได้เข้าสู่ที่ประชุม เราจึงจะเสนอให้ประธานสภาหาแนวทางปรับปรุงการประชุมสภา เช่น 1.เพิ่มวันประชุมพิเศษขึ้นมาเพื่อพิจารณาญัตติพิเศษโดยเฉพาะ เดือนละ 2 ศุกร์ 2.เสนอให้แยกวัน โดยวันพุธจะหารือเรื่องกระทู้และวาระเพื่อทราบเท่านั้น ส่วนวันพฤหัสบดีเป็นการพิจารณาญัตติ หรือกฎหมายต่างๆ และ 3.ขอเสนอให้มีการเลื่อนญัตติที่เป็นสาระสำคัญขึ้นมา

นายสุทินกล่าวว่า ส่วนประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังจากฟังเสียงสังคม เราก็ได้ข้อสรุปว่าสังคมส่วนมากเห็นด้วยที่จะให้เราอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ส่วนที่ไม่เห็นด้วยเป็นส่วนน้อย ตรงนี้ก็ถือเป็นกำลังใจ และเป็นต้นทุนที่จะผลักดันให้เราทำหน้าที่ตรงนี้ต่อไป สัปดาห์นี้เราก็ได้ทำงานลงลึกในรายละเอียด คาดว่าสิ้นเดือนนี้เราจะสามารถยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ นอกจากกำลังใจแล้ว ชาวบ้านยังให้ข้อมูล เบาะแสและหลักฐานเข้ามาจำนวนมาก ตนจึงเชื่อว่าการอภิปรายครั้งนี้จะทำกันแบบมีส่วนร่วมระหว่างประชาชนกับผู้แทนในสภา

เมื่อถามว่าหากญัตติเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเลื่อนออกไป จะส่งผลต่อญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ และจะต้องมีการปรับแผนอะไรหรือไม่อย่างไร นายสุทินกล่าวว่า เชื่อว่าญัตติเรื่องแก้รัฐธรรมนูญนี้น่าจะจบภายในสิ้นเดือนนี้ ตนเชื่อว่าไม่กระทบกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

เมื่อถามว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเกิดขึ้นหลังจากที่ศาลมีคำวินิจฉัยกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ตรงนี้จะส่งผลกระทบต่อการปรับรูปแบบการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ก็คงปรับบ้างเรื่องตัวบุคคล แต่เป้าหมายและทิศทางคงไม่เปลี่ยนแปลง การอภิปรายครั้งนี้จะอภิปรายภายใต้คำจำกัดความว่า “ไม่ไว้วางใจ” จริงๆ โดยแบ่งเป็นกลุ่ม เช่น กลุ่มทุจริต กลุ่มไร้ความสามารถ กลุ่มความไม่เหมาะสมในการเป็นผู้บริหารประเทศ ทั้งการละเมิดกฎหมายอยู่เป็นนิสัย การทำลายโอกาส เครดิตประเทศในการแข่งขัน ฯลฯ เราไม่สามารถปล่อยให้บริหารประเทศต่อไปได้