“ภูมิธรรม” ชี้ สเปก ประธาน กมธ. ศึกษาแก้ รธน. ต้องเป็นนักประสาน และเป็นคนที่มีชื่อเชียงประจักษ์ชัดว่าเป็นนักประชาธิปไตย-ไม่ยืนข้างใดข้างหนึ่ง ชี้ “สุชาติ” รวมถึงคนจากฟากพรรคร่วมรบ. ไม่เหมาะนั่ง เหตุ จะเป็นที่ครหา เพราะรธน. 60 ดีไซน์มาจากคนฟากรบ.

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฏร ให้สัมภาษณ์ถึงนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาคนที่ 1 และแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุพร้อมนั่งเป็นประธานกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 60 ว่า กรณีที่มีข่าวว่าพรรคพปชร.ก็ดี พรรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ก็ดี จะเสนอชื่อบุคคลเข้ามานั่งเป็นประธานกมธ. แต่ละท่านก็มีคุณสมบัติที่จะสามารถทำหน้าที่ได้ในแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป ถ้าเรามองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เริ่มต้นมาจากสิ่งที่ได้ทำมา สร้างปัญหาให้กับประเทศ และหากทุกฝ่ายเห็นว่าเป็นเรื่องที่ควรจะเป็นวาระสำคัญของชาติ เพราะเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะไขไปสู่การแก้ปัญหาต่างๆที่ค้างปมอยู่ตลอดมา สำคัญคือควรเปิดโอกาสให้คนกลางที่มีความรู้ความสามารถ และเป็นที่ยอมรับทุกฝ่ายเข้ามาทำหน้าที่

“ผมเสนอว่า คนที่เข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ควรเป็นนักประสาน เพื่อที่จะประสานงานกับฝ่ายต่างๆได้โดยไม่มีที่ติติง เนื่องจากวันนี้เราต้องการความเห็นที่แตกต่างกัน ที่สามารถมาร่วมกัน และดีไซน์รัฐธรรมนูญที่ตอบสนองผลประโยชน์ของประเทศชาติได้ ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ต้องเป็นคนที่มีชื่อเสียงเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าเป็นนักประชาธิปไตย เพื่อที่ความแตกต่างอะไรที่จะเกิดขึ้นจะได้ไม่เป็นที่ครหาว่ามายืนอยู่บนผลประโยชน์ว่าเอียงเข้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะความเป็นนักประชาธิปไตยได้ประโยชน์กับทุกฝ่าย และอย่างน้อยต้องเป็นคนที่พอรับฟัง หรือรับรู้ได้อย่างเป็นที่ประจักษ์ว่าเขาไม่ได้เป็นคนที่ยืนอยู่บนผลประโยชน์ข้างใดข้างหนึ่ง ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง บุคคลที่มีคุณสมบัติเหล่านี้ แม้จะยากสักหน่อย แต่ผมเชื่อว่าสังคมไทยไม่สิ้นคนเหล่านี้หรอก เพราะถ้าได้เข้ามาเชื่อว่าจะสามารถไขปัญหาของชาติได้อย่างแท้จริง ซึ่งนายสุชาติ แม้จะมีคุณสมบัติเหมาะสมก็จริง แต่ก็สังกัดข้างรัฐบาลซึ่งถูกครหามาตลอดว่า การดีไซน์รัฐธรรมนูญปี 60 ดีไซน์มาจากคนฟากรัฐบาล ก็จะเป็นข้อครหา หรือหากเป็นคนที่ร่วมอยู่ในพรรคฟากรัฐบาลก็คงจะเช่นกัน ดังนั้น คนกลางน่าจะเป็นคนที่ดีที่สุดเพื่อให้แก้ปัญหาของประเทศชาติได้” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า สำหรับการเลือก กมธ. นั้น อยากให้ออกนอกกรอบ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นนักการเมืองส่วนใหญ่ แต่น่าจะเปิดโอกาสให้คนนอก เช่น ภาควิชาการ ฯลฯ ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นด้วย เพื่อที่ภาพของการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะได้เป็นภาพที่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย