จี้ป.ป.ช.สอบ ‘เต้-พิเชษฐ’ สถาปนาฝ่ายค้านอิสระส่อขัดจริยธรรมร้ายแรง

ศรีสุวรรณจี้ ป.ป.ช.สอบ “เต้-พิเชษฐ” สถาปนาฝ่ายค้านอิสระส่อขัดจริยธรรมร้ายแรง

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางมายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. สืบเนื่องจากนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ โชว์หนังสือคำสั่งแต่งตั้งตัวเองเป็นผู้นำฝ่ายค้านอิสระ หลังแถลงออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ในสถานะฝ่ายค้านอิสระ ต่อมาวันที่ 10 กันยายน 2562 พรรคประชาธรรมไทย ได้แถลงออกจากพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ในสถานะฝ่ายค้านอิสระเช่นกัน ดังนั้น พรรคไทยศรีวิไลย์และพรรคประชาธรรมไทย ซึ่งมี ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อจำนวนพรรคละ 1 เสียง จึงตัดสินใจมาทำงานร่วมกันในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านอิสระ การกระทำดังกล่าว ไม่มีกฎหมายฉบับใดหรือกฎหมายรัฐธรรมนูญใดให้อำนาจไว้ หากแต่เป็นการขัดต่อมาตรา 106 รัฐธรรมนูญ 2560 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า ภายหลังที่คณะรัฐมนตรี( ครม.) เข้าบริหารราชการแผ่นดินแล้วพระมหากษัตริย์จะทรงแต่งตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรที่มีจำนวนสมาชิกมากที่สุดเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โดยมีประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ นอกจากนั้นยังอาจเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 “การที่นายมงคลกิตติ์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ลงนามสถาปนาตนเองขึ้นมาเป็นผู้นำฝ่ายค้านอิสระ และนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย ลงนามยอมรับเป็นประธานที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านอิสระ จึงอาจขัดต่อ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 และขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา5 มาตรา160 ประกอบมาตรา115 เพราะบุคคลทั้งสองได้ปฏิญาณตนว่าจะรักษาไว้และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญทุกประการไว้แล้ว การที่มากระทำการอันไม่เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ จึงอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงที่บัญญัติไว้ชัดเจนว่า ส.ส. ต้องยึดมั่นและธํารงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยซึ่งในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาทั่วโลกมีแต่ผู้นำฝ่ายรัฐบาล กับผู้นำฝ่ายค้านเท่านั้น การแต่งตั้งตนเองเป็นผู้นำฝ่ายค้านอิสระ จึงไม่มีปรากฎในรัฐธรรมนูญและกฎหมายใด จึงอาจเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง สมาคมฯ จึงร้อง ป.ป.ช. ให้ใช้อำนาจดำเนินการไต่สวน สอบสวน เพื่อระงับและหยุดยั้งการกระทำดังกล่าวและลงโทษการกระทำที่อาจฝ่าฝืน” นายศรีสุวรรณกล่าว