“ฝ่ายค้าน” มั่นใจ ข้อมูล-หลักฐาน ผลัก รบ.หัวคะมำในศึกซักฟอกได้ แย้มกรอบเวลาเปิดศึก 18-20 ธ.ค.นี้ บอก ล้มรบ.ในสภาไม่ได้ แต่จะเป็นการเปิดแผลรบ.ให้ไปเน่านอกสภา

“ฝ่ายค้าน” มั่นใจ ข้อมูล-หลักฐาน ผลัก รบ.หัวคะมำในศึกซักฟอกได้ แย้มกรอบเวลาเปิดศึก 18-20 ธ.ค.นี้ บอก ล้มรบ.ในสภาไม่ได้ แต่จะเป็นการเปิดแผลรบ.ให้ไปเน่านอกสภา

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ตัวแทนวิปร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นายสุทิน คลังแสง ส.ส. มหาสารคาม พรรคพท. ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคพท. ในฐานะที่ปรึกษาวิปฝ่ายค้าน น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคพท. ในฐานะคณะกรรมการวิปฝ่ายค้าน นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย น.ส. ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.พรรคบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) นายสุภดิช อากาศฤกษ์ รองหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ (ศม.) ฯลฯ ร่วมแถลงภายหลังการประชุม

โดย น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ที่ผ่านมาเราได้ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลมาโดยใกล้ชิด ซึ่งหลังจากที่ปิดสภาฯ เราได้มีการเก็บข้อมูล รวบรวมหลักฐาน โดย 7 พรรคได้รวบรวมเอาความหนักแน่นของข้อมูลมาประมวล และประเมิน ก่อนที่ 7 พรรคจะมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าควรยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่จะยื่นเมื่อไหร่ จะเป็นรายคน หรือรายกระทรวง รวมถึงมีรายละเอียดอย่างไรนั้นเราจะประชุมกันอีกครั้งหนึ่งเพื่อหาข้อสรุป

ด้านนายสุทิน กล่าวว่า เรายึดกรอบความพร้อมในเรื่องของข้อหาและหลักฐานซึ่งการอภิปรายครั้งนี้ จะเป็นการอภิปรายที่มาตรฐานอาจจะเปลี่ยนไปจากเดิม เพราะที่ผ่านมาเราจะเน้นเรื่องการทุจริตเป็นหลัก แต่ครั้งนี้เราจะมองไปถึงความผิดพลาด ความสามารถในการบริหารประเทศที่ทำลายเครดิตของประเทศให้ตกต่ำ โดยยึดฐานความผิดมาจากระยะเวลา 5 ปี ที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บริหารประเทศมา โดยเราเห็นว่าความผิดในอดีตส่งผลต่อปัจจุบัน และเป็นความกังวลไปสู่อนาคต ซึ่งกรอบเวลาคร่าวๆ ที่เราเห็นว่าเหมาะสมในยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือ วันที่ 18-19-20 ธันวาคมนี้

เมื่อถามว่า ประเด็นที่ฝ่ายค้านล็อกเป้ามีรัฐมนตรีคนใด หรือกระทรวงใดบ้าง น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการทั้ง 35 คณะ ในสภาฯ ได้ตรวจสอบทุกกระทรวงและทุกคน พรรคฝ่ายค้านทุกพรรคมองความสำคัญของข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญ โดยข้อมูลที่จะอภิปรายต้องนักแน่นพอ

ขณะที่นายสุทิน กล่าวว่า เราจะอภิปรายผสมผสานกันไป ทั้งรัฐบาลที่ผ่านมาและรัฐบาลปัจจุบัน เนื่องจากคนเก่าสร้างความผิดและคนใหม่มาต่อยอดความผิดดังนั้นต้องอภิปราายทั้งคนเก่าและคนใหม่ควบคู่กันไป อย่างไรก็ตามจะแตกต่างที่ประเด็นความผิด เพราะบางกรณีความผิดทำกันหลายคน ยึดโยงกันหลายกระทรวง บางเรื่องโยงไปถึงหัวหน้ารัฐบาลที่ดึงลูกน้องมาทำความผิด แต่บางเรื่องก็เป็นความผิดส่วนบุคคล

เมื่อถามว่า ตั้งเป้าว่าจะสามารถล้มรัฐบาลได้หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า โดยเจตนาเราไม่ได้ต้องการล้มรัฐบาล แต่ถ้าเขาชี้แจงไม่ได้ แล้วทำความผิดจริง เขาจะล้มด้วยตัวของเขาเอง ทั้งนี้โอกาสในการล้มรัฐบาลโดยการยกมือในสภาฯ เป็นไปได้น้อยอยู่แล้ว แต่หากหลักฐานเราดีก็เป็นไปได้ที่พรรคฟากรัฐบาลจะยกมือสนับสนุนเรา แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีรัฐบาลไหนล้มด้วยการยกมือในสภาฯ แต่จะเพลี้ยงพล้ำจากสภาฯ แล้วไปล้มข้างนอก เสมือนเป็นการเปิดแผลในสภาฯแล้วไปเน่าข้างนอก ซึ่งตนเชื่อว่าปัจจุบันพลังของโซเชียลจะเป็นม็อบที่สำคัญ และเป็นม็อบที่ใหญ่ที่สุด ที่จะทำให้รัฐบาลหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ อย่างไรก็ตามเรามีหลักฐานแน่นอน เพราะถ้าไม่มีเราไม่กล้าเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยพรรคฝ่ายค้านจะมาคุยกันว่าหลักฐานที่มีจะเป็นการผลักให้เซหรือผลักให้ล้ม แต่วันนี้เราสรุปกันได้แล้วว่ามีผลักให้หัวคะมำ

ด้านน.พ. ชลน่าน กล่าวว่า หากวางกรอบที่จะอภิปรายในวันที่ 18-20 ธันวาคมนี้ สิ้นเดือนพฤศจิกายน เราจะต้องญัตติให้เสร็จเพื่อยื่นให้ประธานสภาฯ บรรจุเข้าสู่วาระการประชุมสภาฯ โดยอย่างช้าที่สุดต้องไม่เกินวันที่ 6 ธันวาคม ที่เราจะต้องยื่นญัตติให้กับประธานสภาฯ