อุตตมหารือไอเอ็มเอฟแนะใช้เครื่องมือการเงิน-การคลังพยุงเศรษฐกิจ เล็งอัดมาตรการกระตุ้นเพิ่มอีก

ที่กระทรวงการคลัง นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลัง นางคริสตาลินา จอร์จีวา กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และคณะเข้าพบว่า ทางไอเอ็มเอฟบอกว่าเศรษฐกิจโลกยังมีความท้าทายจากสงครามการค้า(เทรดวอร์) และปัญหาการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป(อียู)ของอังกฤษ (เบร็กซิท) ทำให้เศรษฐกิจโลกกระทบจากหลายๆ ปัจจัย ซึ่งไอเอ็มเอฟเรียกว่า Synchronized slowdown ส่งผลให้ทุกประเทศรวมถึงไทยได้รับผลกระทบ

นายอุตตมกล่าวต่อว่า ไอเอ็มเอฟมีระบุว่าไทยยังโชคดีที่เศรษฐกิจมหภาพแข็งแกร่ง ทำให้ประเทศไทยมีความสามารถใช้เครื่องมือทั้งการเงินและการคลังในการดูแลเศรษฐกิจ โดยมีข้อแนะนำ และเน้นว่าไทยต้องดูแลเศรษฐกิจในช่วงนี้ให้ผ่านพ้นไปอย่างใกล้ชิด และให้พิจารณาใช้ทุกเครื่องมือที่มีให้ดูแลเศรษฐกิจ ทั้งเครื่องมือทางการเงินและเครื่องมือทางการคลัง เพราะว่าไทยมีความสามารถมีความแข็งแกร่งที่จะใช้เครื่องมือดังกล่าวดังนั้นต้องใช้ให้ทันการณ์

นายอุตตมกล่าวต่อว่า เล่าให้ไอเอ็มเอฟฟังว่าเครื่องมือทางการคลังที่ผ่านมาไทยมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ  ส่วนเครื่องมือทางการเงิน คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนงซ)ลดดอกเบี้ยไปแล้ว 1ครั้ง ซึ่งไอเอ็มเอฟเห็นว่ายังสามารถใช้เครื่องไม้เครื่องมือที่มีอยู่ได้อีกในช่วงนี้ และเป็นสิ่งที่สำคัญต้องนำมาใช้ นอกจากเรื่องระยะสั้นแล้วไอเอ็มเอฟให้ความสนใจการนำเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นแนวทางในการปฏิรูปเศรษฐกิจ

นายอุตตมกล่าวว่า ทั้งนี้กระทรวงการคลังเตรียมพร้อมเครื่องมือเอาไว้ และจะหยิบมาใช้โดยพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจ โดยมองว่าเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ปีนี้ มีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากปัจจัยภายนอกที่มีทิศทางที่ดีขึ้นคือ ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ก็ยังขยายตัวไม่เต็มศักยภาพที่คาดหวังว่าจะขยายตัวให้ได้ 4 % ดังนั้นยังให้คำตอบไม่ได้ว่าควรจะมีมาตรการกระตุ้นระยะสั้นออกมาอีกหรือไม่

นายอุตตม กล่าวถึงการร่วมประชุมระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนว่า ประเด็นหารือที่กำหนดไว้คือ ทางสหรัฐสนใจร่วมปฏิรูปประเทศกับไทย โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และลงทุนในอีอีซี  เทคโนโลยีดิจิทัล สำหรับเรื่องจีเอสพีนั้นยังไม่มีวาระหารือในการประชุมดังกล่าว