ผู้นำฮ่องกง เตรียมอัดฉีด 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กู้ศก.ถดถอย หลังจีดีพีปี 2019 ส่อติดลบ

สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า นางแคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงได้บรรยายสรุปสถานการณ์ในฮ่องกงวันนี้ (29 ต.ค.) ระบุว่า สถานการณ์ความวุ่นวายในฮ่องกงส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการท่องเที่ยวและการค้าปลีกที่ได้รับการผลกระทบอย่างหนัก ซึ่งอาจนำไปสู่ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่หดตัวลง โดยจะมีการประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ของปีนี้ในวันที่ 31 ต.ค.ที่จะถึงนี้ ซึ่งหากปรากฎว่าตัวเลขจีดีพีเติบโตติดลบ 2 ไตรมาสติดต่อกันจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจฮ่องกงกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย

อย่างไรก็ตาม นางลัมยังเปิดเผยว่า คณะผู้บริหารของฮ่องกงได้พยายามอย่างสุดความสามารถในการรักษาอัตรการเติบโตของฮ่องกง โดยได้มีการอัดฉีดเม็ดเงินมากกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงหรือราว 2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพยุงเศรษฐกิจโดยเฉพาะ ภาคการคมนาคม ภาคการท่องเที่ยว และภาคค้าปลีก รวมทั้งจะมีมาตรการบรรเทาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจตามมาอีกด้วย แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดออกมา

ก่อนหน้าที่ นายพอล ชาน หัวหน้าฝ่ายบริหารการคลังของฮ่องกงระบุว่า เศรษฐกิจของฮ่องกงตลอดทั้งปี 2019 อาจเติบโตไม่ถึงที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 0-1% ซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่จะคาดการณ์ เนื่องจากการประท้วงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของฮ่องกงอย่างกว้างขวาง

ขณะที่ในภาคการท่องเที่ยว ฮ่องกงมียอดนักท่องเที่ยวราว 30 ล้านคนในปีที่ผ่านมา แต่หลังการประท้วงปะทุขึ้น ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงถึง 50% ในเดือน ต.ค. ขณะที่ภาคการค้าปลีกก็ได้รับผลกระทบจากการต้องลดชั่วโมงการเปิดร้านค้าและการบริการ จากจำนวนลูกค้าที่ลดลงและความกังวลเรื่องความปลอดภัยของพนักงาน โดยในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ยอดค้าปลีกลดลงมากกว่า 25% ซึ่งลดลงมากที่สุดในรอบหลายเดือน