ชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ ค้านปล่อยโคมลอยช่วงเทศกาล ปัดรับเงินต่างชาติเคลื่อนไหว

เมื่อวันที่ 26 ต.ค. จากกรณีที่เครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ พร้อมภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคมและประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ เคลื่อนไหวคัดค้านการปล่อยโคมไฟเวลากลางคืนในเทศกาลลอยกระทงและเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เนื่องจากเป็นการบิดเบือนวัฒนธรรมประเพณี รวมทั้งเกิดความเสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้และกระทบการขึ้นลงของเครื่องบิน รวมทั้งก่อให้เกิดปัญหาขยะจากซากโคมไฟ

โดยยื่นหนังสือเมื่อวันที่ 16 ส.ค. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พิจารณาทบทวน ซึ่งการยื่นหนังสือดังกล่าวนั้นส่งผลให้การจัดงานปล่อยโคมไฟทำสถิติโลกในช่วงลอยกระทงหรือยี่เป็งที่ห้วยตึงเฒ่าของเอกชนรายหนึ่งที่ขายแพ็คเก็จทัวร์ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลักต้องยกเลิกไป และอีกหลายรายถูกจับจ้อง

ปรากฏว่ายังมีเอกชนอีกหลายรายที่มีกำหนดจะจัดงานปล่อยโคมไฟเช่นเดิมกระจายหลายจุด คาดว่าแต่ละจุดมีโคมไฟที่คาดว่าจะถูกปล่อยจำนวนมาก พร้อมทั้งมีกระแสข่าวจากเอกชนภาคการท่องเที่ยวกล่าวหาด้วยว่า การที่เครือข่ายภาคประชาชนออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการจัดกิจกรรมดังกล่าว เป็นการทำลายการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ โดยรับจ้างจากเอกชนต่างชาติที่ต้องการจัดกิจกรรมนี้เอง ออกมาเคลื่อนไหวขัดขวางผู้ประกอบการไทยไม่ให้สามารถจัดกิจกรรมได้ และเปิดทางสะดวกให้ผู้ประกอบการต่างชาติสามารถจัดกิจกรรมได้ พร้อมทั้งกอบโกยผลประโยชน์ไป
นางเสาวคนธ์ ศรีบุญเรือง ผู้ประสานงานเครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางเครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ พร้อมภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคมและประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ ได้ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อคัดค้านและเสนอแนะเกี่ยวกับเรื่องการปล่อยโคมไฟในเทศกาลลอยกระทงหรือยี่เป็ง แม้ว่าจะส่งผลทำให้มีการยกเลิกการจัดกิจกรรมดังกล่าวในบางจุดที่ใกล้ตัวเมืองเชียงใหม่ แต่ยังมีการเตรียมจัดกิจกรรมดังกล่าวอีกหลายจุด โดยทางเอกชนใช้วิธีเลี่ยงไปเช่าสถานที่จัดงานในพื้นที่รอบนอกใกล้เคียงเมืองเชียงใหม่แทน

ทั้งนี้ เห็นว่ายังมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายและก่อปัญหาเหมือนเดิม เพราะโคมไฟที่ถูกปล่อยขึ้นไปนั้นไร้ทิศทางและไม่สามารถควบคุมได้ โดยได้แต่หวังว่าทางจังหวัดเชียงใหม่ที่มีการออกกฎระเบียบต่างๆ มาควบคุมเกี่ยวกับการอนุญาตให้ปล่อยโคมไฟ จะมีความการติดตามให้มีการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเข้มงวดจริงจัง ให้เหมือนกับการขออนุญาตบินโดรนที่กฎระเบียบบังคับเกี่ยวกับการให้อนุญาตอย่างเข้มงวด ขณะที่ชาวบ้านคงได้แต่เฝ้าระวังและหวาดผวาในช่วงที่มีการปล่อยโคมไฟ พร้อมกับหวังว่าจะไม่เกิดอันตรายหรือความเสียหายใดๆ ขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สินส่วนกรณีมีกระแสข่าวใส่ร้ายป้ายสีว่าเครือข่ายฯ รับเงินว่าจ้างจากเอกชนยักษ์ใหญ่ของจีนให้ขัดขวางการจัดกิจกรรมนี้ของผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยเพื่อเปิดทางให้เอกชนยักษ์ใหญ่ของจีนได้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากเข้ามาจัดกิจกรรมและขายแพ็คเก็จทัวร์เองนั้น ผู้ประสานงานเครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ ระบุว่า ผู้ที่สร้างกระแสดังกล่าวนั้นต้องถือว่ามีความคิดที่อัปรีย์จัญไรเป็นอย่างยิ่ง ถึงจะคิดเห็นอย่างนั้นได้ ซึ่งไม่ขอใส่ใจ พร้อมบอกว่าทางเครือข่ายฯ เคลื่อนไหวคัดค้านเรื่องการปล่อยโคมไฟมาตลอด 8 ปี นับตั้งแต่ที่ก่อตั้งเครือข่ายฯ ขึ้นมา โดยมีจุดยืนคัดค้านการจัดกิจกรรมนี้ทั้งหมดไม่ว่าใครจะเป็นผู้จัด เพราะเห็นว่าไม่เหมาะสมและเป็นอันตราย

อีกทั้งทางเครือข่ายฯ ยังเป็นผู้ตั้งข้อสังเกตมาตั้งแต่แรกเมื่อหลายปีก่อนแล้วว่า กลุ่มที่มาจัดกิจกรรมและขายแพ็คเก็จทัวร์ให้นักท่องเที่ยวเป็นต่างชาติที่เข้ามาจัดงานเอง, ขายทัวร์ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยกันเอง และเก็บเงินเอง แทบจะเบ็ดเสร็จทุกขั้นตอน ทำให้เม็ดเงินหรือผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะตกถึงมือคนในพื้นที่จริงๆ น่าจะมีน้อยมาก แต่กลับต้องมารับความเสี่ยงจากอันตรายที่จะเกิดขึ้นและต้องมารับผิดชอบจัดการซากโคมจำนวนมากที่กลายเป็นขยะ

ผู้ประสานงานเครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ ยืนยันว่า ทางเครือข่ายฯ จะยังเคลื่อนไหวคัดค้านเรื่องนี้ต่อไปจนถึงที่สุด พร้อมทั้งเรียกร้องให้หยุดอ้างหรือหยิบยกผลประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจมาเป็นเหตุผลในการจัดกิจกรรมนี้เสียที เพราะต่างทราบกันดีว่าเป็นการบิดเบือนวัฒนธรรมประเพณีเพื่อสร้างจุดขายเท่านั้น และผลประโยชน์ตกอยู่กับคนบางกลุ่มที่ไม่ใช่คนท่องถิ่น แต่คนท้องถิ่นต้องมารับผลกระทบ ทั้งนี้อยากให้มีการจัดประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อวางกติกาและมาตรการร่วมกันไม่เกิดปัญหาซ้ำซากทุกปีและเป็นความขัดแย้งไปตลอด