‘จุรินทร์’​ นำทัพเอกชน ลุย 10 ตลาดส่งออกทั่วโลก

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี​ว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.พาณิชย์​) ว่า จากการหารือกับภาคเอกชน อาทิ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมผู้ส่งออกสินค้า ในครั้งนี้ ได้เน้นในเรื่องการเพิ่มตัวเลขการส่งออก ภายใต้สถานการณ์ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ เบร็กซิต และเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับยุทธศาสตร์เดิมที่กำหนดไว้คือการมุ่งเน้นรักษาตลาดเดิม และขยายเพิ่มเติมตลาดใหม่รวมทั้งฟื้นตลาดเก่าที่เคยมีอยู่แต่สูญเสียไปได้เน้นย้ำเพิ่มเติมลึกลงไปในรายละเอียดของยุทธศาสตร์

“หลังจากนี้ จะมีการบุกไปทำการค้าที่ตลาดการค้าใหญ่ๆ เพิ่มเติม โดยครั้งนี้จะเป็นการทำงานร่วมระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน โดยเบื้องต้นได้มองตลาดที่มีศักย​ภาพ​ไว้ 10 ประเทศ ประกอบด้วย จีน อินเดีย ตุรกี เยอรมัน ศรีลังกา บังคลาเทศ ตะวันออกกลาง แอฟริกาใต้ อังกฤษ และยุโรป โดยจะมีการศึกษาการตลาดของทั้ง 10 ประเทศ เพื่อทำการป้อนสินค้าตามความต้องการของแต่ละประเทศ​ต่อไป” นายจุรินทร์​กล่าว

ขณะที่ การพัฒนา​ศักยภาพ​ของไทย จะมุ่งเน้นใน 5 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย 1.เดินหน้าการสร้างไทยแบรนด์ เพื่อให้มีความเข้มแข็งในตลาดโลก 2.ส่งเสริมภาคบริการใหม่นอกจากที่เคยทำมา เช่น ค้าปลีก โลจิสติกส์ และพัฒนาอีคอมเมิร์ซ เป็นต้น 3.การสร้างพันธมิตรเครือข่ายกับสภาธุรกิจเอกชนระหว่างประเทศในภูมิภาคต่างๆ ถือว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นและส่งผลให้ตัวเลขการส่งออกเป็นรูปธรรมได้อย่างชัดเจน 4.การสนับสนุนให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)​ สามารถส่งออกสินค้าได้มากขึ้น และ 5.เน้นย้ำให้ทูตพาณิชย์หาช่องทางเจาะตลาดในประเทศใหญ่ๆ รายมณฑลเพื่อเพิ่มตัวเลขการส่งออกต่อไป

นายจุรินทร์​ กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมฯยังได้สั่งการให้ฝ่ายเลขาไปทำการบ้านเพิ่มเติม เพื่อการประชุมครั้งต่อไป คือ การทำให้ภูมิภาคอาเซียนการค้าชายแดนของไทยสามารถใช้โลโก้ข้าวอินทรีย์ได้มากขึ้น และจัดทำแผนสนับสนุนเอสเอ็มอีกับสตาร์ทอัพให้เพิ่มตัวเลขการส่งออกในตลาดสำคัญสำคัญต่างๆ ทั่วโลกได้มากขึ้น และให้ทูตพาณิชย์ไปศึกษากฎเกณฑ์กติกาของประเทศสำคัญที่จะช่วยให้การส่งออกของไทย สามารถได้รับสิทธิพิเศษหรืออัตราภาษีต่ำตามกฎเกณฑ์ที่มีอยู่แล้ว เพื่อให้ไทยสามารถส่งออกสินค้าในราคาที่แข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้