“เพื่อไทย” จี้ถามรัฐบาล วางนโยบายช่วย “นายทุน” หรือ “เกษตรกร”?

วันที่ 25ตุลาคม 2562 นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า การจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 2563 แสดงให้เห็นชัดเจนว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจในการช่วยเหลือเกษตรกร เพราะงบประมาณที่จัดให้กับกระทรวงเกษตรน้อยมาก ทั้งๆที่ควรที่จะได้มากกว่านี้รัฐไปให้ความสำคัญกับงบความมั่นคง ในการจับจ่ายซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เป็นการเอาเงินภาษีประชาชนไปสนองความต้องการของผู้มีอำนาจ

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาเกษตรกรต้องประสบปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ต้นทุนการเพาะปลูกสูงขึ้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ตลอดว่ากำลังหามาตรการช่วยเหลือภาคการเกษตร แต่สุดท้ายกลับไม่จริงใจ เพราะจัดงบประมาณให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์น้อยกว่ากระทรวงกลาโหม เห็นชัดว่าดูเรื่องการซื้ออาวุธสำคัญกว่ายกระดับชีวิตความเป็นอยู่เกษตรกร

นายนิยม กล่าวด้วยว่า อยากแนะนำว่าถ้ารัฐบาลอยากเห็นเศรษฐกิจดีขึ้นจริงตามที่รัฐบาลโฆษณารัฐบาลต้องช่วยภาคเกษตรอย่างเต็มที่ให้เกษตรกรมีรายได้ที่ดีขึ้น หากภาคเกษตรดีมีรายได้เพิ่มขึ้น การจับจ่ายใช้สอยก็ตามมา สามารถช่วยภาคอุตสาหกรรม ภาคแรงงานได้ เพราะเกษตรกรจะมีรายได้ในการซื้อสินค้า โรงงานมีการผลิตสินค้าออกมาจำหน่าย มีการจ้างงาน แต่รัฐบาลคิดไม่เป็นมองไม่เห็นปัจจัยนี้ รัฐบาลที่ผ่านมาทั้งรัฐบาลไทยรักไทย จนถึงรัฐบาลพรรคเพื่อไทยมองออกจึงเร่งช่วยเหลือเกษตรกรส่งผลให้เศรษฐกิจไม่มีปัญหา เก็บภาษีได้เกินเป้ามาตลอด

“นอกจากนี้การใช้นโยบายประกันรายได้เกษตรกร ต้องถามตรงๆนโยบายดังกล่าวรัฐต้องการช่วยเกษตรกรหรือช่วยพ่อค้าผู้ส่งออกสินค้าเกษตร เพราะเอาเข้าจริงการประกันรายได้ก็คือเกษตรกรได้เงินเพิ่มไม่มากเพียงพอกับต้นทุนการเพาะปลูกเท่านั้น แต่ผู้ส่งออกซื้อสินค้าได้ในราคาต่ำ เพื่อไปจำหน่ายทำกำไรได้มหาศาล ดังนั้นรัฐดำเนินนโยบายประกันรายได้ หวังช่วยเกษตรกรหรือช่วยนายทุนผู้ส่งออกที่เชียร์รัฐบาลกันแน่