เปิดรายละเอียด ชิมช้อปใช้เฟส2 เปิดลงทะเบียน3 ล้านคน แจก 1พันเหมือนเดิม

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2562 ระยะที่ 2 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยจะดำเนินการผ่านมาตรการชิมช้อปใช้เฟส 2 เปิดให้ลงทะเบียนเพิ่ม 3 ล้านคน ยังแจก 1 พันบาทเหมือนเดิม แต่ให้คืนเงินเพิ่มถึง 20% หากมีการใช้จ่ายกระเป๋า 2 วงเงินถึง 5 หมื่นบาท และมาตรการลดภาระให้กับผู้ซื้อที่อยู่อาศัย ลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทมีผลตั้งแต่ประกาศของกระทรวงมหาไทยถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2563 นอกจากนี้ยังมี มาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจากธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 2.5% นาน 3 ปี นอกจากนี้ที่ประชุมครม.ยังเร่งรัดเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายด้านฝึกอบรมสัมมนาของส่วนราชการ โดยหวังว่า มาตรการดังกล่าวจะมีส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจปีนี้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 3%

ทั้งนี้ รัฐบาลต้องใช้งบประมาณเข้าไปในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 รวมประมาณ 5.8 พันล้านบาท ผ่าน ชิมช้อปใช้เฟสสองจำนวน 2 พันล้านบาท ชดเชยภาระดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)สำหรับสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจำนวน 1.2 พันล้านบาท และรายได้ที่หายไปจากมาตรการลดภาระให้กับผู้ซื้อที่อยู่อาศัยจำนวน 2.6 พันล้านบาท

สำหรับมาตรการชิมช้อปใช้เฟส2 เปิดให้ลงทะเบียนเพิ่มจำนวน 3 ล้านคน ซึ่งนอกจากจะได้รับวงเงินสนับสนุน 1,000 บาท สำหรับการใช้จ่ายผ่าน g-Wallet 1 และเงินชดเชย 15% ของยอดใช้จ่ายไม่เกิน 3 หมื่นบาท จากเงินของประชาชนเองผ่าน g-Wallet 2 (เงินชดเชยไม่เกิน 4,500 บาท) เช่นเดียวกับ ชิมช้อปใช้เดิมแล้ว ยังจะได้รับสิทธิ์เงินชดเชย 20% ของยอดใช้จ่ายในส่วนที่เกิน 3 หมื่นบาท แต่ไม่เกิน 5 หมื่นบาท (เงินชดเชยไม่เกิน 4 พันบาท) ซึ่งสิทธิ์นี้จะขยายให้แก่ผู้ได้รับสิทธิ์ 10 ล้านคนแรกที่ไม่ถูกตัดสิทธิ์ด้วย ซึ่งการใช้จ่ายผ่าน g-Wallet 2 สามารถเติมเงินได้ง่ายและสะดวก โดยนอกจากจะเติมเงินผ่านการสแกน QR Code ของทุกธนาคาร หรือกรอกตัวเลข g-Wallet 15 หลักผ่าน mobile banking ของธนาคารต่าง ๆ แล้ว ยังสามารถเติมเงินเข้า g-Wallet 2 ผ่านเครื่อง ATM ได้อีกด้วย

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังจะปรับเวลาเริ่มลงทะเบียนใหม่ โดยแบ่งเป็น 2 รอบ รอบละ 5 แสนราย รอบแรกเริ่มลงทะเบียนเวลา 6.00 น. และรอบที่ 2 เริ่มลงทะเบียนเวลา 18.00 น. เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้สนใจลงทะเบียน ซึ่งจะเริ่มเปิดรับลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2562 จำนวนวันละไม่เกิน 1 ล้านคน ซึ่งมาตรการดังกล่าวประชาชนสามารถใช้ได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 และร้านค้าสามารถสมัครเข้าร่วมมาตรการได้ถึง 31 ธันวาคม 2562 เช่นกัน สำหรับร้านค้าที่จะร่วมโครงการในชิมช้อปใช้เฟสสองนั้น ทางธนาคารออมสินและธกส.จะช่วยประชาสัมพันธ์ดึงร้านค้าในกลุ่มลูกค้าเข้ามาร่วมโครงการอีกกว่า 3 แสนราย

สำหรับมาตรการลดภาระให้กับผู้ซื้อที่อยู่อาศัยนั้น เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เหมาะสมกับศักยภาพของประชาชนแต่ละกลุ่ม โดยรัฐบาลจะลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนอง ดังนี้ ลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนจากเดิม 2% เหลือ 0.01% ลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม1%เหลือ 0.01% ซึ่งจำกัดเฉพาะการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุดในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วยและการจดทะเบียนการโอน และการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยต้องดำเนินการในคราวเดียวกัน โดยมีระยะเวลานับตั้งแต่วันที่ประกาศกระทรวงมหาดไทยมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2563

ส่วนมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธอส.จะสนับสนุนสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนทั่วไปที่มีความต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในราคาซื้อขายไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วย โดยการให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ราคาพิเศษและเงื่อนไขผ่อนปรน โดยจะเริ่มมาตรการตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม 2562 ถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2563 โดยมีวงเงินสินเชื่อทั้งหมด 5 หมื่นล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.5% ในช่วง 3 ปีแรก  โดยต้องเป็นที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จพร้อมอยู่ที่ไม่เคยผ่านการครอบครองโดยบุคคลอื่นมาก่อนการกำหนดราคาซื้อขายไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วยนั้น เนื่องจาก เป็นระดับราคาที่อยู่อาศัยที่เป็นที่ต้องการของกลุ่มเป้าหมาย

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธอส.กล่าวว่า มาตรการสินเชื่อดังกล่าวจะลดภาระเงินงวดของผู้กู้ได้จำนวนมากหรือประมาณ 8 หมื่นบาทต่อปีกรณีที่ซื้อบ้านในราคา 3 ล้านบาท ทั้งนี้ ปัจจุบันบ้านราคา 1 ล้านบาท ผู้กู้จะมีภาระผ่อนต่องวดอยู่ที่ 5.5 พันบาทต่องวด หากเข้ามาตรการนี้ จะลดลงเหลือ 3.3 พันบาทต่องวด