เมื่อวันที่ 18 ต.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 วันที่ 2 พล.ท.พงศกร รอดชมภู ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายงบประมาณของกระทรวงกลาโหมและกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ว่า ตามหลักการของสหประชาชาติมีหลักการว่า ถ้าเราจะดำเนินการแก้ไขและป้องกันภัยคุกคามได้สำเร็จ จะต้องอยู่ภายใต้หลักนิติรัฐเพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย ซึ่งสัดส่วนการจัดงบประมาณของกระทรวงกลาโหม พบว่ากองทัพบก มีงบประมาณเป็นสองเท่ามากกว่ากองทัพเรือและกองทัพอากาศ

ปัญหาคือที่ผ่านมา การเบิกจ่ายงบประมาณของกระทรวงกลาโหมมีความล่าช้าอย่างเห็นได้ชัด แสดงให้เห็นว่ากองทัพมีสิทธิตั้งงบประมาณ แต่ใช้งบประมาณไม่ทัน หรือเรียกว่างบประมาณล้น ถ้าสามารถปรับลดงบประมาณผูกพันของกระทรวงกลาโหมลงบางส่วน จะสามารถนำเงินดังกล่าวไปช่วยภาคการเกษตรและสาธารณสุขได้ ซึ่งคำว่าผูกพันข้ามปีหมายความว่าการเป็นราชาเงินผ่อน ทำให้ไม่สามารถถูกปรับลดงบประมาณได้

พล.ท.พงศกร กล่าวต่อว่า ขณะที่งบประมาณของกอ.รมน.นั้น ในทางต่างประเทศจะเป็นไปในลักษณะของการให้งบประมาณ เพื่อการประสานงานและอุดหนุนหน่วยงานอื่นๆ แต่สำหรับของประเทศไทย กอ.รมน.มีกำลังพลและภารกิจชัดเจน แต่มีงบประมาณจำนวนไม่มาก ซึ่งภายใต้ภารกิจเพื่อรักษาความมั่นคงภายในและต่อต้านภัยคุกคามรูปแบบใหม่ จึงอยากให้เพิ่มงบประมาณให้กับกองทัพอากาศเพื่อพัฒนาอากาศยาน ไม่ควรเน้นไปที่รถถัง เพราะไม่ได้รบกันเร็วขนาดนั้น

“การรบควรครองความเป็นเจ้าอากาศก่อน จากนั้นค่อยใช้การรบโดยรถถัง ดังนั้น ในฐานะฝ่ายค้านขอตัดงบประมาณ 10% หรือประมาณ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อให้กระทรวงเกษตรฯ เพื่อพัฒนาปัจจัยการผลิตและกระทรวงสาธารณสุข สำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือพัฒนาสวัสดิการอื่นๆ ที่ขาดแคลน ซึ่งการตัดงบประมาณแบบนี้ไม่ได้อยู่บนอคติ แต่เป็นการตัดเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนรูปแบบการในการทำงานของกองทัพใหม่ “ พล.ท.พงศกร กล่าว