“วรวัจน์” ซัดรบ.ทำงบประมาณฉบับ “พิกลพิการ” ขัดรธน.-ส่อทำขรก.เสี่ยงคุก-ซ้ำก่อหนี้อนาคต

วันที่ 18 ตุลาคม 2562 นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีตรองประธานกรรมาธิการงบประมาณหลายสมัยพิจารณาการจัดทำงบประมาณและการชี้แจงร่างงบประมาณปี 2563 ของรัฐบาลแล้ว เห็นว่า หากสมาชิกรัฐสภาโหวตรับรอง ร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายปี 63 ที่มีปัญหานี้ขึ้นจะเสี่ยงเป็นการกระทำที่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงรัฐมนตรี ข้าราชการประจำกระทรวงอาจจะกลายเป็นคนกระทำผิดกฎหมายไปด้วย เนื่องจาก คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ระบุไว้ว่า เงินแผ่นดิน หมายรวมถึง เงินงบประมาณ เงินนอกงบประมาณ ทรัพย์สิน สิทธิและผลประโยชน์ ที่รัฐเป็นเจ้าของหรืออยู่ในความครอบครองของรัฐ แต่เมื่อพิจารณา ร่าง พรบ. งบประมาณนี้แล้ว กลับมีเพียงเงินจัดเก็บจาก 3 กรม และเงินนอกงบประมาณเพียงบางส่วน เท่านั้น ไม่มีการนำรายการรายได้ ของรัฐ ทั้งเงินนอกงบประมาณอีกจำนวนมากที่รัฐจัดเก็บ เงินกู้ที่รัฐเอาไปทำโครงการต่างๆ หรือแม้แต่รายการทรัพย์สิน ที่ดินของรัฐที่ให้เอกชน ทำประโยชน์ มาจัดทำ ในร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีเลย จึง ไม่แน่ใจว่าเป็นการ แอบแฝง งบประมาณหรือทรัพย์สินเหล่านั้น ไปไว้ที่ไหน

นายวรวัจน์ยังตั้งคำถามอีกว่า ถ้าหน่วยงานของรัฐ ทุกองค์กร เอาเงินไปใช้ โดยไม่ผ่านกระบวนการจัดทำงบประมาณตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ในอนาคต ถ้าถูกเรียกเงินคืนจะทำเช่นไร เพราะมีการออกพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 ฉบับใหม่กำหนด ความรับผิดตามมาตรา 52 กำกับเอาไว้ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐในหน่วยงานรับงบประมาณ ผู้ใดจ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพัน หรือโดยรู้อยู่แล้วยินยอมให้การกระทําดังกล่าวนั้นโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ นอกจากความรับผิดทางอาญาแล้ว จะต้องรับผิดชดใช้เงินงบประมาณที่หน่วยรับงบประมาณได้จ่ายไปหรือต้องผูกพันจะต้องจ่าย ตลอดจนค่าสินไหมทดแทนใด ๆ ให้แก่หน่วยรับงบประมาณนั้น บุคคลภายนอกผู้ได้รับประโยชน์จากการกระทําตามวรรคหนึ่ง จะต้องร่วมรับผิดกับผู้กระทำการฝ่าฝืนด้วย

นอกจากนี้ นายวรวัจน์ยังกล่าวอีกด้วยว่า การกระทำที่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เห็นชัดๆแบบนี้ ถ้าเป็น ศรีธนญชัยจะออกยังไงเมื่อมนต์วิเศษก็ไม่มีแล้ว ปล่อยให้ทำผิดแบบนี้ ใครต้องรับผิดชอบ เม็ดเงินที่ถูกใช้ไป โดยไม่เป็นไปตามกระบวนการงบประมาณ รัฐมนตรี, ส.ส., สว.หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมถึงระบบการบริหารราชการแผ่นดินจะเป็นอัมพาต พิกลพิการแน่ เพราะ รวมทั้งต้องคดีอาญา เพราะอาจถูกเรียกเงินคืนถึง 3.2 ล้านล้าน จึงอยากจะบอกกับรัฐบาลว่าควรนำร่าง พรบ.งบประมาณนี้กลับไปทำมาใหม่ให้สมบูรณ์ หรือจะแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ควรเร่งแก้เสีย เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้

“จึงขอให้ฉายาร่างพรบ.งบประมาณปี 2563 ว่า เป็นพรบ.ฉบับพิกลพิการเพราะนอกจากจะเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญแล้ว ยังบกพร่องไม่สมบูรณ์ สร้างหนี้สินอนาคต ให้ประเทศ การจัดงบประมาณแบบนี้ ประเทศไทยยากที่จะปลดหนี้ สาธารณะที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีแต่รายจ่ายที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ประชาชนก็จะยากจนลง ประกอบกับรัฐบาลก็ไม่สามารถรีดภาษี เอามาตั้งเป็นงบประมาณใหม่ที่เพียงพอต่อการใช้จ่ายได้เลย” นายวรวัจน์กล่าว