เผยแพร่ |
---|
เมื่อวานนี้ (15 ตุลาคม 2562) ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รับเชิญจากคณะกรรมการญาติพฤษภาคม 35 และสภาที่ 3 ไปร่วมเสวนาในหัวข้อ “งบประมาณพัฒนาประเทศได้จริงหรือ” เมื่อ 15 ตุลาคม 2562 ณ.ห้องรัตนา โรงแรมรอยัลรัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนิน พร้อมตั้งประเด็นที่น่าสนใจ หรือ ชวนให้คิดไว้ รวม 10 ประเด็น ประกอบด้วย ประเด็นที่หนึ่ง งบประมาณ เป็นการเก็บภาษีประชาชนมาเพื่อใช้จ่ายตามที่สัญญากับประชาชนไว้ หากจะถามว่าประชาชนได้อะไร พอใจไหม ก็ต้องพูดว่าประชาชนเสียภาษีมากไป แต่ได้รับบริการไม่คุ้มค่า รัฐบาลเห็นประชาชนเป็นลูกไล่ ไม่เห็นประชาชนเป็นนาย เป็นเจ้าของประเทศ หรือ เป็นเจ้าของเงิน ดังนั้น จึงควรลดการกู้เงิน หรือลดภาษี แล้วลดงบประมาณลง ให้ประชาชนใช้เงินเขาเองให้มากขึ้น
ประเด็นที่ สอง รัฐบาลนี้ทำลายความเชื่อมั่น เพราะสืบทอดอำนาจปฏิวัติมา และยังมีพวกออกมาข่มขู่ประชาชนบ่อยๆ จึงไม่มีทางที่จะดึงความเชื่อมั่นได้ ระบบเศรษฐกิจไทย จึงตกต่ำอย่างมาก นอกจากนี้ รัฐยังใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ในขณะที่ประชาชนไม่มีจะกิน แต่รัฐบาลเอาเงินประชาชนไปซื้ออาวุธ ไปซื้อเรือดำน้ำ ฯลฯ
ประเด็นที่สาม รัฐบาล จึงควรยลดภาษีลงเพื่อให้เงินอยู่ในกระเป๋าประชาชน หรือ ลดเงินกู้ลงจาก 4.69 แสนล้าน แล้วลดรายจ่ายของรัฐบาลลง เพื่อให้รัฐมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ประเด็นที่สี่ ต้องลดรายจ่ายกลาโหม รายจ่ายซื้อออาวุธ เพราะซื้อมาแล้ว ใช้ไม่คุ้มค่า และแพงกว่าปกติ ประเทศไทยไม่ได้ใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ไปรบกับใคร นอกจากนี้ รายจ่ายกลาโหมยังทำให้เศรษฐกิจประเทศเติบโตช้าลง ทำให้ประชาชนจนกว่าที่ควรจะเป็นและผู้ที่เสนอลดรายจ่ายกลาโหม จึงเป็นคนที่รักชาติและรักไม่แพ้ หรือ ด้อยไปกว่าทหารแต่ประการใด
ประเด็นที่ห้า ไม่มีงบขจัดความยากจน มีแต่งบประมาณที่เพิ่มความยากจนให้แก่ประชาชน เช่น การแจกเงิน10,000 ล้านบาท ทำให้ประชาชนเสียนิสัย ไม่ขยัน รอแจก เป็นทาสเงินรัฐบาล
ประเด็นที่หก ควรลดรายจ่ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ จัดอีเว้นท์ รวมถึง ค่าเดินทางในทุกกระทรวงและหากทำได้อย่างเป็นรูปธรรมจะสามารถลดค่าใช้จ่ายได้หลายหมื่นล้านบาท
ประเด็นที่เจ็ด ควรเลิกระบบวุฒิสภา เพราะที่แต่งตั้งมาก็มิได้เป็นตัวแทนของประชาชนและในระยะเวลา 5 ปี จะลดค่าใช้จ่ายได้ จำนวน 5,500 ล้านบาท
ประเด็นที่เเปด ควรทำงบประมาณจากฐานศูนย์ (zero based budget) โดยดูว่า งานที่ทำอยู่มีความจำเป็นไหม หากไม่จำเป็นให้เลิกทำ เช่น ลดจำนวนองค์กรมหาชน ที่ทำคล้ายกับงานเอกชน เช่น องค์กร ไก่ หมู กุ้ง เป็นต้น เพราะนั่นไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาล
ประเด็นที่เก้า รัฐบาลควรมีขนาดเล็กเพื่อ “ลดอำนาจรัฐบาล เพิ่มอำนาจประชาชน” ให้ภาคประชาชนเจริญเติบโตและรัฐบาลควรทำหน้าที่เพียง 3 ประการ คือ หนึ่ง ป้องกันประเทศ สอง รักษาความสงบและความยุติธรรม และ สาม ทำโครงสร้างพื้นฐาน ดูแลสิ่งแวดล้อม ดูแลการศึกษา
& สาธารณสุข บรรเทาภัยพิบัติ ตลอดจน ขจัดความยากจนและความเหลื่อมล้ำของฐานะและรายได้ ส่วนประเด็นที่สิบ หรือ
ประเด็นสุดท้าย หากจะฟื้นเศรษฐกิจกันจริงๆ กก็ต้องใช้นโยบายอื่นๆประกอบด้วย เช่น การใช้นโยบายปริมาณเงินและนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน พร้อมทั้ง ต้องเลิกการสืบทอดอำนาจ จากการปฏิวัติรัฐประหาร เพื่อฟื้นความเชื่อมั่น
“ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เป็นงบประมาณของศักดินา โดยศักดินา และ เพื่อศักดินา ดังนั้น จึงไม่สามารถรับร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ได้” ศาสตราจารย์ ดร. สุชาติ ธาดาธำรงเวช กล่าวทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิด