“สุดารัตน์” ย้ำ “เพื่อไทย” ซักฟอกงบปี 63 แบบสร้างสรรค์ ยันลงมติไม่แตกแถว

วันที่ 15 ตุลาคม 2562 เมื่อเวลา 14.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคพท. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ว่า วันนี้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจ 4 ตัวคือ การส่งออก การท่องเที่ยว กำลังซื้อในประเทศ และเงินลงทุนใหม่ ล้วนชะลอตัว ดับเกือบหมด เหลือแต่ การใช้จ่ายในภาครัฐที่มีความสำคัญ งบประมาณรายจ่าย 2563 ที่จะนำไปใช้ควรนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ พรรคพท.ให้ความสำคัญต่อการอภิปรายร่างพรบ.งบประมาณ สิ่งที่เราจะติติงเป็นการติเพื่อก่อ เพื่อให้มีการใช้งบประมาณอันเป็นภาษีประชาชน เป็นไปอย่างถูกทิศทาง เมื่อดูในรายละเอียดงบประมาณ 4-5 กระทรวง มีการตั้งงบประมาณไว้สูงมาก เช่น ในกระทรวงศึกษาธิการ แม้จะมีการตั้งงบฯไว้สูง แต่เราเห็นด้วย ยังมองว่าตั้งงบไว้น้อยไปด้วยซ้ำ แต่ในส่วนของงบที่มีการเพิ่มลงไปในกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม เพิ่มขึ้นมาโดยไม่มีความจำเป็น เช่นเดียวกับการตั้งงบกลางไว้สูงถึง 5 แสนล้านบาท ที่เปรียบเหมือนการตีเช็คเปล่า จะมีการเอาไปแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ การช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริงหรือไม่ อย่างไรก็ดีรัฐบาลในอดีตมีการตั้งงบกลางไว้ประมาณ 5 หมื่นล้านบาทถึง 1 แสนล้านบาท เมื่อเกิดโรคซาร์ ไข้หวัดนก สึนามิ เอาไปโรดโชว์ต่างประเทศเพื่อช่วยผู้ประกอบการรายย่อย เราได้นำงบตรงนี้ไปช่วยเหลือ แต่ที่ผ่านมาในงบกลางนั้น ถูกเอาไปใช้ในสิ่งที่ไม่สมควร เช่น นำไปซื้อรถถัง ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน และไม่ก่อให้เกิดรายได้ใหม่

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า กรอบงบประมาณขาดดุล มองว่าตั้งน้อยไปด้วยซ้ำ ความจริงฝ่ายค้านไม่ควรพูดเช่นนี้ ดูแล้วอาจหมดหวังที่จะใช้งบที่มีน้อยเพื่อเอาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ อยากให้ภาครัฐได้ทบทวนงบตรงส่วนนี้ด้วย งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ที่ตั้งไว้ 3.2 ล้านล้านบาท กลับพบว่าตั้งงบลงทุนเอาไว้เพียง 20% น้อยกว่าปีก่อนที่ตั้งไว้ 21% เมื่องบที่จะนำไปลงทุนลดลง คงทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจได้น้อย

เมื่อถามว่า ในชั้นการลงมติ จะมีการกำชับส.ส.ให้ลงไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เราจะลงมติโดยผลประโยชน์ประชาชน นักการเมืองพท. จะไม่มีใครทรยศประชาชน

เมื่อถามอีกว่า ถ้ามีคนลงมติสวน จะมีมาตรการอย่างไรหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ได้พูดคุยกัน การทำหน้าที่ของเราก็เพื่อประโยชน์ประเทศ ทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้าน คิดว่าตรงนี้จิตสำนึกผู้แทนเพื่อไทยมี คงยังไม่มีการไปคาดโทษใคร การอภิปรายงบประมาณครั้งนี้ ไม่ได้หวังเอาชนะคะคาน แต่วันนี้คนจนกำลังจะหมดประเทศแล้ว ประชาชนยากลำบาก คงไม่เอาความยากลำบากประชาชนมาเป็นเรื่องการเมือง สิ่งที่เราจะติเพื่อให้เกิดการปรับแก้ นำไปแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ช่วยในเรื่องความทุกข์ยากประชาชน ไม่ควรเอาไปใช้อย่างสิ้นเปลือง ไม่เกิดประโยชน์ เช่น เอาไปซื้อรถถัง หลังจากอภิปราย เราจะดูต่อไปอีกว่า รัฐบาลได้รับในสิ่งที่ถูกติติงไปปรับแก้เพื่อให้เกิดประโชน์กับประชาชนหรือไม่ หรือมุ่งหวังเพียงเพื่อก่อประโยชน์กับพรรคพวกตัวเองเท่านั้น