รำลึก 46 ปี ‘14 ตุลา’ หลังฝนกระหน่ำ ตักบาตร-ทำพิธี 3 ศาสนา วางพวงมาลา หน้าอนุสรณ์สถาน

แห่รำลึก 46 ปี ‘14 ตุลา’ หลังฝนกระหน่ำ ตักบาตร-ทำพิธี 3 ศาสนา วางพวงมาลา หน้าอนุสรณ์สถาน

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา 16 ถนนราชดำเนินกลาง จัดงานรำลึกและปาฐกถา 14 ตุลา ประจำปี 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้ามีพิธีตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 14 รูป บริเวณด้านหน้าอนุสรณ์สถานฯ จากนั้นมีฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ทำให้ผู้ร่วมงานต้องหลบใต้ชายคาของอนุสรณ์สถานก่อนจะออกมาประกอบพิธีร่วมกันอีกครั้งตามกำหนดการ โดยมีประชาชน นิสิต นักศึกษา ทยอยมาร่วมงานอย่างต่อเนื่อง

จากนั้น เวลา 08.30 น. มีพิธีกรรม 3 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ คริสต์ และอิสลาม โดยมีเจ้าคุณพระวิสุทธิวราภรณ์ วัดเทพธิดาราม เป็นผู้แทนประกอบพิธีศาสนาพุทธ จากนั้นอิหม่ามสง่า นาคชม ผู้นำศาสนาอิสลาม ประจำมัสยิดซูลูกุ้ลมุตตากีน เป็นผู้แทนประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม และบาทหลวงเสนอ ดำเนินสดวก บาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย เป็นผู้แทนประกอบพิธีทางศาสนาคริสต์

เวลา 09.00 น. มีพิธีวางพวงมาลา และกล่าวรำลึกเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 โดยมีนายณัฏฐชัย ศรีรุ่งสุขพินิจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนนายกรัฐมนตรี วางพวงมาลาและกล่าวสดุดี

นายณัฏฐชัยกล่าวว่า เนื่องในงานรำลึก 14 ตุลา ในวาระครบรอบ 46 ปี ถือเป็นเหตุการณ์ที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองการปกครอง สะท้อนพลังของนิสิติ นักศึกษา ประชาชน ที่เห็นคุณค่าของประชาธิปไตยในการพัฒนาประเทศให้ทัดเทียมอารยประเทศ ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชน เป็นรากฐานของระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงควรนำบทเรียนดังกล่าวมาสร้างเสริมให้เป็นประโยชน์กับประเทศชาติต่อไป ขอน้อมไว้อาลัยให้กับวีรชนผู้หาญกล้า และจะบันทึกในความทรงจำตลอดไป

จากนั้น นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ในฐานะผู้แทนประธานสภาและประธานรัฐสภา วางพวงมาลา

นายองอาจกล่าวว่า เชื่อว่าพี่น้องที่นี่และประชาชน ทั้งที่มีโอกาสสัมผัสเหตุการณ์จริงหรือไม่ก็ตาม ต่างก็รับรู้และเข้าใจตรงกันว่า เหตุการณ์ 14 ตุลา เกิดขึ้นด้วยพี่น้องประชาชนจำนวนมากได้มาแสดงออกถึงการไม่ยอมรับการใช้อำนาจโดยไม่ชอบธรรมและการใช้อำนาจอย่างเกินขอบเขตของผู้ปกครองในขณะนั้น จึงออกมาแสดงความคิดเห็น และแสดงการกระทำเพื่อปฏิเสธอำนาจที่ไม่ชอบธรรม แน่นอนว่าพี่น้องประชาชนไม่มีอำนาจใดที่จะหยุดยั้งอำนาจนั้นได้ นอกจากพลังจากการรวมกันจำนวนมาก เพราะมีแต่สองมือเปล่า และนั่นคือการแสดงออกตามวิถีประชาธิปไตย แต่ผู้ปกครองที่ไม่ชอบธรรมย่อมไม่พึงพอใจการแสดงออกนั้น จึงได้เห็นการสูญเสียจำนวนมากของพี่น้องประชาชนที่ในสังคมต่างยกย่องว่าบุคคลที่สูญเสียจากเหตุการณ์เป็นวีรชน 14 ตุลา ที่กล้าออกมาแสดงออก แสดงให้คนไทยทั้งประเทศและทั้งโลกเห็นว่า เมื่อใดก็ตามที่สังคมเกิดความไม่ชอบธรรมประชาชนจะลุกขึ้นมาแสดงออก เราจึงระลึกถึงจิตใจที่กล้าหาญ กล้าเสียสละของชาวไทย จนหลายคนต้องพิการ หลายคนอาจมีชีวิตอย่างยากลำบาก แต่ในความรู้สึกของคนไทย วีรกรรมนั้นยังอยู่ในความทรงจำตลอดมาและตลอดไป

“ในนามประธานสภา และประธานรัฐสภา ขอสดุดีวีรกรรมอันกล้าหาญ ขอให้วีรชน 14 ตุลาอยู่ในความทรงจำ เป็นแบบอย่าง เป็นบทเรียนที่ดีงามให้กับประชาชนคนไทยผู้รักและหวงแหนในประชาธิปไตยและความถูกต้องดีงาม เป็นแบบอย่างของการรักษาคุณธรรมอันดีงาม ตามระบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขต่อไป” นายองอาจกล่าว

จากนั้น นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขต 19 พรรคเพื่อไทย ร่วมวางพวงมาลา ต่อด้วย นายศุภกฤต บุญขันธ์ รองผู้อำนวยการ สำนักเทศกิจ กรุงเทพฯ, นายศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์และศูนย์พัทยา, ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้แทนญาติเยาวชน 14 ตุลา, ผู้แทนกลุ่มแรงงานสตรี, นายภูผา ภูวดล อานนท์ นายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ตัวแทนภาคประชาชน จากคณะนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต, นางสุจิน รุ่งสว่าง ตัวแทนแรงงานนอกระบบและชาวบ้าน

จากนั้นเป็นตัวแทนจาก 5 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคชาติพัฒนา โดย นายดล เหตระกูล เลขาธิการพรรคชาติพัฒนา, นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์, นายองอาจ ปัญญาชาติรักษ์ และผู้แทนอีก 2 คน ในนามพรรคพลังประชารัฐ, ตัวแทนพรรคพลังท้องถิ่นไทย และตัวแทนพรรคอนาคตใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีบริเวณหน้าอนุสรณ์สถาน 14 ตุลาคมในช่วงเช้า เวลา 10.30 น. มีการปาฐกถา 14 ตุลา ประจำปี 2562 ในหัวข้อ “นิติรัฐ และนิติธรรม กับระบอบประชาธิปไตยไทย” โดย รศ.ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ นพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานมูลนิธิ 14 ตุลา ขึ้นกล่าวปัจฉิมกถา