เหยื่อไต้ฝุ่น “ฮากีบิส” เพิ่มเป็น 26 ศพ หญิงวัย 70 ดับระหว่างกู้ภัย

เมื่อวันที่ 13 ต.ค. เอเอฟพี บีบีซี เอ็นเอชเค และสำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ พายุไต้ฝุ่นฮากีบิส พัดถล่มประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ว่า ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 26 ราย ในจำนวนนี้มีหญิงวัยราว 70 ปี เสียชีวิตจากความผิดพลาดระหว่างเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยช่วยเหลือนำตัวออกจากพื้นที่น้ำท่วม นอกจากนี้ยังมีผู้สูญหายอีก 15 คน และมากกว่า 100 คนได้รับบาดเจ็บ

ขณะเดียวกันแม้ไต้ฝุ่นฮากีบิสจะลดระดับความรุนแรงจากความเร็วลมสูงสุดที่ 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของญี่ปุ่นในรอบกว่า 60 ปี และกำลังเคลื่อนตัวออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิกเหนือ

แต่อิทธิพลของพายุยังก่อให้เกิดฝนตกต่อเนื่อง ลมกระโชกแรง น้ำท่วมสูง และยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะเมืองอูเอดะ จังหวัดนางาโนะ ทางตอนกลาง

ภายหลังเขื่อนกั้นแม่น้ำชิคูมะแตก ส่งผลให้กระแสน้ำเชี่ยวกรากไหลทะลักเข้าท่วมชุมชนจนเกือบมิดบ้านพักชั้นสอง และสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำชิคูมะได้รับความเสียหาย ปลายสะพานข้างหนึ่งจมอยู่ในน้ำเนื่องจากชายฝั่งถูกเซาะจนแหว่ง บริษัทเดินรถไฟในท้องที่จึงประกาศต้องระงับให้บริการสายรถไฟที่แล่นผ่านเส้นทางดังกล่าวเป็นการชั่วคราว

นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ผู้นำญี่ปุ่น แถลงว่ารัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถเพื่อช่วยเหลือและค้นหาผู้ประสบภัย รวมถึงเหยื่อที่เสียชีวิตจากภัยพิบัติร้ายแรงในครั้งนี้

โดยกองทัพญี่ปุ่นส่งเจ้าหน้าที่ทหาร 31,000 นายลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือ รวมถึงการนำเรือและเฮลิคอปเตอร์ออกลากตระเวนอพยพประชาชนที่ยังตกค้างในเขตน้ำท่วมสูงในจังหวัดนางาโนะ

ขณะที่หน่วยกู้ภัยอีกทีมรุดนำเรือบุกเข้าไปในเมืองคาวาโกเอะ เมืองโบราณในจังหวัดไซตามะ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงโตเกียว เพื่ออพยพผู้สูงอายุจากบ้านพักคนชรา

ด้านสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคระบุว่า อาคารบ้านเรือนกว่า 160,000 หลังจาก 286,000 หลังยังคงไม่มีไฟฟ้าใช้ อย่างไรก็ตาม หลายพื้นที่เริ่มคลี่คลายและมีระดับน้ำลดลงแล้ว อาทิ เขตชิบาตะ ในจังหวัดมิยางิ ชาวบ้านต่างพากันกันทำความสะอาดท้องถนนที่เต็มไปด้วยดินโคลน เช่นเดียวกับหน่วยดับเพลิงที่ระดมเจ้าหน้าที่ตรวจซ่อมแซมอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เสียหายตามบ้านเรือนในเมืองคาวาซากิ จังหวัดคานางาวะ