‘นิพิฏฐ์’ เมิน ภท.ประกาศยึดพัทลุง เหน็บ ‘นาที’ พูดมาก ระวังเข้าข่ายครอบงำรมต.

“นิพิฏฐ์”ลั่น ไม่หนักใจ ภท.ประกาศยึดพื้นที่พัทลุง-ภาคใต้ เตือน”นาที”โวล้ำเส้นสามี เข้าข่ายครอบงำรัฐมนตรี ชี้หากปชช.ได้ประโยชน์ก็พร้อมสนับสนุน แต่อย่าลืมเรื่องปชต.สุจริต ยิ่งงบพัฒนาไหลเข้าพื้นที่อาจมีถอนทุน ด้าน”ชินวรณ์”ยอมรับการเมืองเปลี่ยน ปชป.ต้องขยับตัว เร่งทำ3 ยุทธศาสตร์ให้ทันคู่แข่ง

เมื่อวันที่ 10 ต.ค.นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตส.ส.พัทลุง กล่าวถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยยกแม่ทัพลงพื้นที่จ.พัทลุง โดยนางนาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ประกาศยึดฐานเสียงการเมืองทั้งจังหวัด พร้อมผลักดันโครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อยึดภาคใต้ทั้งหมด ว่า เป็นสิทธิ์ของนางนาที ซึ่งตนไม่หนักใจอะไร แต่สิ่งที่นางนาที ประกาศตนคิดว่าควรจะเป็นคำพูดของรัฐมนตรีมากกว่า คิดว่านางนาที คงฝันว่าตัวเองยังเป็นรัฐมนตรีอยู่ทั้งที่ศาลฏีกาตัดสินจำคุกและอยู่ระหว่างการอุทธรณ์ แต่ยังแสดงตัวเป็นรัฐมนตรีจะทำนั่นทำนี่ ทั้งที่สิ่งนี้สามี หรือ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ควรจะเป็นคนพูด และในทางรัฐธรรมนูญแล้ว ส.ส.ก็ไม่สามารถพูดจาแนวนี้ได้ เพราะถือเป็นการครอบงำและชี้นำ

นายนิพิฏฐ์กล่าวอีกว่า การที่แกนนำพรรคภูมิใจไทยยกทัพไปจ.พัทลุงแสดงให้เห็นถึงเจตนาที่มีเป้าหมายยึดภาคใต้ โดยเฉพาะจ.พัทลุงที่เขาต้องการยึดทั้ง3 เขต ตอนนี้ได้มาแล้ว2 เขต จากนั้นก็ขยายบารมีไปทั้งภาคใต้ ซึ่งตนก็ไม่ได้ว่าอะไร นางนาทีสามารถพูดอะไรที่เป็นประโยชน์ให้กับประชาชนตนก็สนับสนุน ความจริงนางนาทีเป็นทั้งส.ส. และส.ว. มานานสิบกว่าปี หากจะหาว่าไม่มีการพัฒนาจ.พัทลุงเลยก็ต้องรวมเขาด้วย ตนเป็นส.ส.มา27 ปี แต่ได้เป็นรัฐมนตรีแค่11 เดือน เป็นฝ่ายค้านเสีย80 เปอร์เซนต์ ตนก็ทำได้เพียงเท่านี้ มันต้องเป็นรัฐบาลถึงจะทำได้อย่างที่เขาพูด แต่วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ก็ได้เป็นรัฐบาลแล้วจากที่เป็นฝ่ายค้านมาหลายปี สิ่งที่เราพูดว่าจะแก้ปัญหาเรื่องปาล์ม เรื่องยาง ก็คอยดูว่าเราจะทำได้หรือไม่ เราดูภาพรวมว่าเศรษฐกิจของเกษตรกรจะต้องดีขึ้น หากทำได้จริงก็พอจะพูดได้ว่ามันเป็นผลงานของเรา จึงถือเป็นโอกาสดีที่พรรคการเมืองจะมาสู้กันด้วยนโยบายและโครงการต่างๆว่าใครจะผลักดันอะไรในพื้นที่ เพราะประชาชนต่างก็ได้ประโยชน์ ถึงเวลาประชาชนจะเห็นเองว่าใครทำได้ ใครทำไม่ได้ หากพรรคประชาธิปัตย์ทำไม่ได้แล้วจะไปเลือกพรรคภูมิใจไทยก็ไม่ว่ากัน

“ตอนนี้ภูมิใจไทยบอกจะทำนั่นทำนี่ให้กับ14 จังหวัดภาคใต้ อะไรก็พูดได้ ขอให้รอดูผลงานดีกว่า ว่าเขาทำท่องเที่ยวอย่างไร เราทำยางได้ กิโลกรัมละ60บาท ทำปาล์มกิโลกรัมละ4 บาทจริงหรือไม่ แต่สิ่งที่ประชาชนต้องไม่ลืม คือการทำประชาธิปไตยสุจริต แม้จะมีการเอางบประมาณ เอาโครงการมาแลก หากเริ่มต้นด้วยองศาที่ไม่ถูกต้องก็จะก่อให้เกิดปัญหา เช่นจะมีการถอนทุนหรือไม่ หากลงทุนไปเยอะก็ต้องมีการถอนทุน ไม่มีใครเชื่อว่าลงทุนไป40-50ล้านบาทแล้วไม่ถอนทุน ผมจึงขอเรียกร้องให้ทำประชาธิปไตยสุจริตควบคู่ไปกับการพัฒนาด้วย ยิ่งเขาประกาศจะทำโครงการท่องเที่ยวใหญ่โตทั่วทั้งภาคใต้แบบนี้ งบลงทุนต่างๆก็ต้องหลั่งไหลมายิ่งน่าจับตาดู” นายนิพิฏฐ์กล่าว

ด้านนายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ว่า ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์อยู่ในฐานะเร่งทำงานให้ประชาชนในทุกพื้นที่ ทั้งที่ไม่มีส.ส.และมีส.ส. เพราะหลังจากการเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคได้ทบทวนบทเรียนพอสมควรทั้งบทบาทในสภาของผู้ที่เป็นส.ส.ที่สามารถอภิปรายให้ความเห็น ส่วนคนของพรรคที่ไปทำหน้าที่ฝ่ายบริหารก็พยายามทำงานอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะนโยบายประกันรายได้ที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว ทั้งเรื่องปาล์ม การประกันราคาข้าวและยาง ที่พรรคพร้อมจะดูแลประชาชนทุกคน

“อยากทำความเข้าใจว่า5-6 ปีที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นรัฐบาลเหมือนกับบางพรรค เพราะบางคนพูดคลุมเครือว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ทำอะไร ทั้งที่ก็อยู่นอกรัฐบาลเช่นกัน และการเมืองในภาคใต้ก็ไม่ง่ายที่จะเอาชนะ ดังนั้นจะมาสบประมาทกันไม่ได้ ซึ่งพรรคเชื่อว่าวิธีเดียวคือทำงานให้หนักและแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้เท่านั้นจึงจะครองใจคนใต้ได้ ดังนั้นพรรคไม่ได้หวั่นไหวอะไร” นายนริศกล่าว

ขณะที่นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การลงไปทำกิจกรรมของพรรคภูมิใจไทยจะเห็นชัดว่ามีเจตนาที่จะเริ่มกระบวนการในการหาเสียง แต่การลงไปพัฒนาพื้นที่ให้ประชาชนนั้นเราต้องใจกว้างและเข้าไปให้ความร่วมสนับสนุนหรือเสนอแนะ และพรรคเองก็เป็นรัฐบาลก็ต้องใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจกับประชาชนหรือชี้ให้เห็นว่านโยบายที่เราดำเนินการไปเกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างไร ถือเป็นการแข่งขันตามปกติของระบบการเมือง แต่สิ่งที่ห่วงคืออยากเห็นการเมืองที่สร้างสรรค์ ไม่ใช้วิธีการอื่นที่นอกเหนือจากกฎหมายเช่นซื้อเสียง สร้างอิทธิพลในพื้นที่ ตรงนี้น่าเป็นห่วงมากกว่า

นายชินวรณ์กล่าวต่อว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องมีความกระตือรือร้นมากขึ้น ด้วยยุทธศาสตร์เรียกศรัทธาจากประชาชน ขณะนี้มี3 เรื่องคือ 1.รัฐมนตรีต้องโชว์ผลงานด้วยการเข้าไปแก้ปัญหาให้ประชาชน โดยเฉพาะนโยบายหลักๆ 2. ในเรื่องของสภาฯที่ส.ส.ต้องนำปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนมาหารือและตรวจสอบวางบทบาทให้ประชาชนคาดหวังได้ และ3.พรรคต้องมียุทธศาสตร์และนโยบายในพื้นที่ให้มากกว่าเดิม โดยทั้งหมดต้องขับเคลื่อนด้วยส.ส.พรรคเป็นหลัก

“ผมยังมั่นใจในฐานเสียงเดิมของเราว่ายังมีความเข้มแข็ง แต่ตอนนี้การเมืองมันเปลี่ยนไปมาก ทั้งกระบวนการยุทธศาสตร์ในพื้นที่ของพรรคการเมืองอื่นๆ มีการใช้โซเชียลต่างๆมากขึ้น เราจึงต้องปรับกลยุทธ์ให้มากกว่านี้ ถ้าไม่ปรับเปลี่ยนตัวเอง ไม่ขยัน ทำงานแบบไม่มียุทธศาสตร์ ไม่มีผลงานชัดเจน ก็คงลำบาก”นายชินวรณ์กล่าว