วันที่ 9 ตุลาคม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) พร้อมคณะได้เดินทางไปยังจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อติดตามดูงานการช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ป่าไม้ โดยมี นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัด นายปัญญา จีนาคำ ส.ส.แม่ฮ่องสอน พรรคพลังประชารัฐ ให้การต้อนรับ หลังจากที่เดินทางถึงท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พร้อมคณะได้เข้าห้องพักรับรองของท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน เพื่อรับประทานอาหารกลางวันซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เตรียมไว้รับรอง

จากนั้นได้เดินทางไปยังวัดพระธาตุดอยกองมู เพื่อสักการะองค์พระธาตุที่เป็นสัญลักษณ์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นของคู่เมืองแม่ฮ่องสอน โดยรัฐมนตรีได้สักการะพระปรางสมาธิ ที่ประดิษฐานภายในองค์พระเจดีย์ จากนั้นได้เดินชมภาพบรรยากาศทั่วไปของเมืองแม่ฮ่องสอน โดยมี นายปกรณ์ จีนาคำ นายเทศมนตรีเมืองแม่ฮ่องสอน รายงานถึงความเป็นอยู่ของชุมชนเมือง ที่บางพื้นที่ยังอยู่ในเขตป่าที่ยังไม่มีเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกิน ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตรให้ความสนใจสอบถามถึงสาเหตุที่ยังไม่ได้รับเอกสารสิทธิ์ พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่รีบดำเนินการสำรวจและแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้าน

นายปัญญา จีนาคำ ส.ส.แม่ฮ่องสอน รายงานว่า มีชาวบ้านเข้ามาร้องเรียนที่สำนักงาน ส.ส.ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการที่อยู่ในพื้นที่ป่า เจ้าหน้าที่จะขับไล่ออกจากพื้นที่ไม่ให้อยู่อาศัย จึงขอให้ช่วยดูแลและแก้ไขปัญหาให้ด้วย ซึ่งวันนี้ชาวบ้านจะเดินทางมาร้องเรียน แต่ได้ขอร้องให้อยู่ที่บ้าน ทาง ส.ส.จะแจ้งให้รัฐมนตรีทราบในเบื้องต้นเพื่อให้การช่วยเหลือ

นายชิดชนก สุขมงคล ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง รายงานความเป็นมาของปัญหาคนอยู่ในป่า ว่า หลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปตรวจราชการที่แม่ฮ่องสอน เมื่อ ปี 2562 ได้สั่งการให้กรมอุทยานแก้ไขปัญหาคนอยู่กับป่า โดยมีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อุทยาน พ.ศ.2562 ออกมามาตราหนึ่งที่สามารถให้คนอยู่ในเขตอุทยานได้ จึงได้ให้จังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นจังหวัดนำร่องโครงการแก้ไขปัญหาคนอยู่กับป่า ซึ่งในพื้นที่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน มี 10 แห่งที่ต้องดำเนินโครงการ พื้นที่ทั้งหมด 2 แสน 8 หมื่นไร่ ซึ่งเป็นคำสั่งที่ คสช.ที่เข้าอยู่ก่อนปี 2557 ส่วนที่เข้าอยู่หลังปี 2557 ตามกฎหมายแล้วให้ดำเนินการอย่างเคร่งครัด

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ปัญหาที่ชาวบ้านร้องเรียนผ่าน ส.ส. เรื่องการเข้าอยู่ในพื้นที่เขตอุทยานนั้น ขอให้กรมอุทยานระงับการขับไล่ชาวบ้านออกนอกพื้นที่ก่อน เพื่อจะได้ตรวจสอบความถูกต้องและดำเนินแก้ไขปัญหา ไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านกับส่วนราชการ ส่วนทางกระทรวงเมื่อทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วก็จะนำปัญหาที่ได้รับเข้ารายงานต่อนายกรัฐนตรีเพื่อหาแนวทางแก้ไขกันต่อไป